กรุงเทพฯ 13 ม.ค. – ครม.เห็นชอบเปิดตลาดนำเข้าถั่วเหลือง 3 ปี ภายใต้ WTO ไม่จำกัดปริมาณ อัตราภาษีนำเข้าร้อยละ 0 ระบุผู้มีสิทธินำเข้า 3 กลุ่ม ต้องรับซื้อเมล็ดถั่วเหลืองจากเกษตรกรในประเทศตามชั้นคุณภาพ ราคาไม่ต่ำกว่าขั้นต่ำที่กำหนด
นางจันทร์ธิดา มีเดช รองเลขาธิการ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า จากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมาเห็นชอบการเปิดตลาดนำเข้าถั่วเหลือง 3 ปี ภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (WTO) โดยให้นำเข้าไม่จำกัดปริมาณในอัตราภาษีนำเข้าร้อยละ 0 ซึ่งมีเงื่อนไขให้ผู้มีสิทธินำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองต้องรับซื้อเมล็ดถั่วเหลืองในประเทศจากเกษตรกรทั้งหมดในราคาที่กำหนดตามชั้นคุณภาพ โดยปรับราคารับซื้อขั้นต่ำเพิ่มขึ้นจากปี 2559 กิโลกรัมละ 2 บาท ทุกชั้นคุณภาพ
สำหรับการเปิดตลาดนำเข้าถั่วเหลืองเป็นไปตามมติคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช โดยผู้มีสิทธินำเข้ามี 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. ผู้นำเข้าเพื่อสกัดน้ำมัน ได้แก่ สมาคมผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองและรำข้าว 2. ผู้นำเข้าเพื่อผลิตอาหารสัตว์ ได้แก่ สมาคมปศุสัตว์ไทย สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย สมาคมส่งเสริมผู้ใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ สมาคมผู้เลี้ยงไก่เนื้อเพื่อการส่งออก สมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อการส่งออก สมาคมผู้ค้าสินค้าเกษตรกับประเทศเพื่อนบ้าน และสมาคมการค้าสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมแปรรูป และ 3.นำเข้าเพื่อแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหาร ได้แก่ บริษัท กรีนสปอต จำกัด บริษัท แลคตาซอย จำกัด บริษัท ไทยเทพรสผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) บริษัท แดรี่ พลัส จำกัด บริษัท ไทยชิม จำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด คิคโคเคน บริษัท อาหารสากล จำกัด (มหาชน) บริษัท นอร์ธเทอร์น ฟู้ด คอมเพล็กซ์ จำกัด บริษัท บุญเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด บริษัท โทฟุซัง จำกัด บริษัท อุเมะโนะฮานะ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท สหชลพืชผล จำกัด บริษัท หยั่น หว่อ หยุ่น จำกัด บริษัท ซิตี้ฟูด จำกัด บริษัท อินทัชธนกร จำกัด และบริษัท ตอยยีบันฟู้ดส์ จำกัด
ทั้งนี้ ผู้มีสิทธินำเข้าต้องรับซื้อเมล็ดถั่วเหลืองจากเกษตรกรภายในประเทศตามชั้นคุณภาพราคาไม่ต่ำกว่าขั้นต่ำที่กำหนด โดยเมล็ดถั่วเหลืองต้องมีความชื้นไม่เกินร้อยละ 13 ของน้ำหนัก มีการกำหนดขนาด สี สิ่งเจือปน เมล็ดเสียและเมล็ดแตก จำแนกออกเป็น 3 ชั้นคุณภาพ ได้แก่ เกรดสกัดน้ำมัน เกรดผลิตอาหารสัตว์ และเกรดแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหาร กิโลกรัมละ 17.50 บาท 17.75 บาท และ 19.75 บาท ณ ไร่นา ตามลำดับ และบวกเพิ่มให้กิโลกรัมละ 0.75 บาท สำหรับการรับซื้อหน้าโรงงาน อย่างไรก็ตาม เกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลืองมักจะขายโดยไม่คัดเกรด จึงขอให้เกษตรกรให้ความสำคัญกับการจัดการคัดแยกคุณภาพเมล็ดถั่วเหลือง เพื่อให้ได้ตามชั้นคุณภาพที่กำหนด ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้และผลตอบแทนมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย