พรรคเพื่อไทย 4 ม.ค.-หน.พท.แจงหลังถูกร้องยุบพรรค ปลด “พล.อ.พัลลภ”จากสมาชิกพรรค ระบุเป็นความเข้าใจผิดของลูกน้อง ยันเป็นสมาชิกตลอดชีพ ยังให้ความสำคัญ อยากไปกราบแต่ถูกปฏิเสธต้องเว้นระยะห่างกันโควิด
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) เข้าใจผิดว่าถูกปลดจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยและมีผู้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ให้ตรวจสอบและพิจารณายุบพรรคเพื่อไทย ว่า 1. กรณีพล.อ.พัลลภอ้างว่าไม่ได้เข้าร่วมการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปีพรรคเพื่อไทย ที่จังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 เนื่องจากถูกลบชื่อออกไม่ให้เข้าร่วมนั้น ข้อเท็จจริงคือการประชุมใหญ่ดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้ข้อจำกัดของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งถูกเลื่อนการจัดงานมาและไม่สามารถจัดประชุมในพื้นที่สีแดงเข้มได้
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การจัดประชุมที่จังหวัดขอนแก่น ภายใต้ข้อจำกัดต่าง ๆ และการเชิญสมาชิกพรรคไปร่วมประชุมต้องไปเป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับพรรค ทำให้เชิญผู้ร่วมประชุมได้เพียง 509 คนเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็น ส.ส.และตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ขณะที่มีตัวแทนสมาชิกเข้าร่วมประชุมจำนวนน้อยมาก เนื่องจากต้องพิจารณาการเดินทางสะดวกและไม่สุ่มเสี่ยงต่อการระบาดของโควิด-19 ดังนั้น จึงไม่ได้เชิญสมาชิกอาวุโสจำนวนมากร่วมประชุม อาทิ นายเสนาะ เทียนทอง นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา และพล.ต.ท.ทวิโรจน์ เปาอินทร์ การที่พล.อ.พัลลภระบุว่าได้ให้ตัวแทนไปตรวจดูแล้วพบว่าถูกลบชื่อออกจากที่ประชุม จึงไม่น่าจะเป็นความจริง เพราะพรรคพิจารณาเชิญเฉพาะผู้ที่เข้าร่วมประชุมได้จริง ๆ ภายใต้ข้อจำกัดต่าง ๆ
“2. สิ่งที่พล.อ.พัลลภกล่าวอ้างว่าถูกปลดออกจากการสมาชิกพรรคเพื่อไทยยืนยันได้ว่าไม่เป็นความจริง เพราะพล.อ.พัลลภยังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย หมายเลข P103820442 และเป็นสมาชิกตลอดชีพ เพราะชำระค่าบำรุงสมาชิกพรรคเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2561 จำนวน 2,000 บาทแล้ว การบอกว่าถูกปลดจากการเป็นสมาชิกพรรค จึงน่าจะเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนของบุคคลที่พล.อ.พัลลภสั่งให้มาดูและไปรายงานพล.อ.พัลลภ 3. ตามขัอบังคับพรรคเพื่อไทย ไม่มีใครปลดใครออกจากการเป็นสมาชิกได้ นอกจากการทำผิดข้อบังคับหรือคุณสมบัติขัดต่อกฎหมายพรรคการเมือง และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่บุคคลภายนอกจะสั่งการให้ปลดใครออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ดังนั้น เรื่องนี้จึงไม่เป็นความจริง” นพ.ชลน่าน กล่าว
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า 4. พรรคเพื่อไทยเห็นความสำคัญของพล.อ.พัลลภมาโดยตลอด ในฐานะหัวหน้าพรรคตั้งใจจะไปกราบพล.อ.พัลลภด้วยตัวเอง แต่เมื่อปรากฎข่าวออกมาเช่นนี้คิดว่าจะต้องยิ่งไปกราบเพื่อขอให้พล.อ.พัลลภเข้ามามีบทบาทในพรรค และเพื่อชี้แจงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนจากผู้ที่ไปรายงานพล.อ.พัลลภมากกว่า 5. การกล่าวอ้างว่ามีการพูดคุยทางโทรศัพท์กับตน โดยระบุถึงบุคคลภายนอกมาสั่งการให้ปลดจากการเป็นสมาชิกพรรค ข้อเท็จจริงทั้งหมดยืนยันแล้วว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้น การจะไปอ้างถึงคนแดนไกลหรือบุคคลภายนอกมาสั่งปลดจึงเป็นไปไม่ได้
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า 6. เรื่องที่พล.อ.พัลลภอ้างว่าช่วยเหลือดูแลตนมาตลอดนั้น ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง โดยเฉพาะในการเลือกตั้ง ปี 2562 ได้รับความเมตตาจากพลงอ.พัลลภ 7. สำหรับกรณีที่มีผู้ไปร้องต่อกกต. ด้วยการนำเรื่องทั้งหมดอ้างว่าอาจเข้าข่ายการยุบพรรคหรือไม่นั้น ต้องฝากไปถึงผู้ร้องที่มีเจตนาที่จะยุบพรรคเพื่อไทยด้วยว่ากฎหมายพรรคการเมืองหากเกิดกรณีที่ร้องเรียนเท็จ พรรคเพื่อไทยจะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย เพราะเรื่องนี้ข้อเท็จจริงปรากฎชัดเจนอยู่แล้ว โดยเฉพาะการอ้างถึงการชี้นำจากบุคคลภายนอก ซึ่งเป็นเจตนาจะร้องเท็จ เนื่องจากคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ไม่เคยยินยอมให้บุคคลภายนอกมาสั่งการ และสามารถตรวจสอบได้ว่ากรรมการบริหารพรรคและสมาชิกทำงานอย่างอิสระมาโดยตลอด และเมื่อไม่ได้ปลดพล.อ.พัลลภจากการเป็นสมาชิกพรรค ไม่มีการกระทำใด ๆ เกิดขึ้น การจะไปร้องให้ยุบพรรคจึงเป็นไปไม่ได้
“ผมยังรักและเคารพพล.อ.พัลลภอย่างสูง และตั้งใจจะไปกราบพร้อมชี้แจงทำความเข้าใจกับท่านด้วยตัวเอง ซึ่งเมื่อวาน(3 ม.ค.) ได้โทรศัพท์ถึงท่านเป็นครั้งแรก นับจากวันที่ 15 พฤศจิกายนเป็นต้นมา และได้เรียนชี้แจงพร้อมพูดคุยถึงความสำคัญของพล.อ.พัลลภที่มีต่อพรรค และจะไปกราบขอให้ท่านเข้ามามีส่วนร่วมกับพรรค แต่ขณะนี้ท่านได้เรียนแจ้งว่ายังติดเงื่อนไขเรื่องการระบาดของโควิด ที่ยังต้องเว้นระยะห่างและจำกัดการพบปะกับบุคคลต่าง ๆ” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว.-สำนักข่าวไทย