เตรียมหามาตรการภาษีช่วยผู้ค้าคนละครึ่ง

รัฐสภา 23 ธ.ค.-รมช.คลังตอบกระทู้สดข่าวกรมสรรพากรส่งหนังสือให้ผู้ค้าคนละครึ่งจ่ายภาษี หวั่นโดนเก็บย้อนหลัง ระบุเป็นการแจ้งเตือนให้เสียภาษี เตรียมหามาตรการขยายเกณฑ์ช่วย


การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้(23 ธ.ค.) มีนายสุชาติ ตันเจริญรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดที่นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาถึงโครงการคนละครึ่ง ซึ่งเป็นโครงการของรัฐที่จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน และช่วยกระจายรายได้ผู้ประกอบการขนาดเล็ก ว่า เป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จ บรรลุวัตถุประสงค์ ถูกใจผู้ซื้อ โดนใจผู้ค้า โดยเฟส 3 มีคนลงทะเบียน 28 ล้านคน เงินสะพัดกว่า 204,325 ล้านบาท และจะสิ้นสุดโครงการเดือนธ.ค.นี้

“รัฐบาลจึงขยายเฟส 4 โดยจะเริ่มเดือนมี.ค.- เม.ย. 65 ดูเหมือนโครงการจะไปได้ด้วยดี แต่เกิดปัญหาความกังวลใจเนื่องจากกรมสรรพากรส่งหนังสือไปยังประชาชน ร้านค้า และผู้ประกอบการเกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษี ส่งผลเกิดความตื่นตกใจว่าจะถูกเก็บภาษีย้อนหลัง จึงขอถามว่าการส่งหนังสือดังกล่าวเป็นการเรียกเก็บภาษีย้อนหลังหรือไม่ รวมถึงโครงการของรัฐบางโครงการเอื้อให้ผู้ประกอบการรายใหญ่และนายทุนเท่านั้นหรือไม่” นางกรณิศ กล่าว


นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงกรณีการเก็บภาษีเงินได้ประจำปีกับผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าโครงการคนละครึ่ง ว่า จะหารือกับกรมสรรพากรเพื่อขยายความช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านการชำระภาษีในภาวะวิกฤติโควิด-19 ซึ่งเป็นผู้ที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง อย่างไรก็ดี ที่พบว่าผู้ประกอบการ จำนวน 1.3 ล้านรายถูกกรมสรรพากรมีหนังสือให้ชำระค่าภาษีย้อนหลัง เข้าใจว่ากรมสรรพากรออกหนังสือแจ้งให้ชำระภาษี ไม่ใช่เรียกเฉพาะบุคคลให้ไปชำระภาษี

“สำหรับการชำระภาษีของผู้ประกอบการ กรมสรรพากรมีหลักเกณฑ์คือ หากมียอดขาย 4 หมื่นบาทต่อเดือนหรือไม่เกิน 5 แสนบาทปี ต้องเสียภาษีตามเกณฑ์ แต่เป็นเงินจำนวนไม่มาก ส่วนที่กังวลว่าจะถูกเรียกย้อนหลังนั้น โครงการคนละครึ่งเริ่มในเดือน ธันวาคม 2563 ซึ่งจะใช้ปีเสียภาษีคือปี 2564 และกรมสรรพากรได้ออกข้อบังคับ เกณฑ์การเสียภาษีเพื่อช่วยเหลือประชาชนฐานรากระดับหนึ่ง” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าว

นายสันติ กล่าวถึงความสำคัญของโครงการคนละครึ่งว่า เป็นความชาญฉลาดของผู้ที่ดูแลเศรษฐกิจที่ทำโครงการดังกล่าว ซึ่งช่วยให้เงินกระจายไปสู่ฐานรากและเศรษฐกิจประคองตัวได้ ทั้งนี้ ในโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ที่ดำเนินการ ตั้งแต่ 1 กรกฏาคม – ธันวาคม พบว่ามีการใช้จ่ายเงิน 1.1แสนล้านบาท และรัฐบาลต้องนำเงินใส่ในระบบอีก 1.1แสนล้านบาท รวมเป็น 2.2แสนล้านบาท ทำให้เศรฐกิจโดยรวมของประเทศขยายและหมุนเวียน รวมถึงขับเคลื่อนมากถึง 5-7 เท่า สำหรับประชาชนที่ใช้สิทธิตั้งแต่เฟส 1 จนถึงเฟส 3 พบว่ามีกว่า40 ล้านคน ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในด้านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจรวมถึงรักษาเศรษฐกิจให้เดินได้.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง