กรุงเทพฯ 18 ม.ค. – รัฐมนตรีช่วยคมนาคมตรวจความพร้อมหน่วยงานด้านขนส่งคุมเข้มความปลอดภัยรถโดยสารสาธารณะ ดีเดย์เข้มเช็คลิสต์ความพร้อมทั้งคนและรถ 24 มกราคมนี้ หากพบกระทำผิดลงโทษสูงสุดทันที ส่วนความคืบหน้าติดจีพีเอสรถสาธารณะและรถบรรทุก ล่าสุดติดตั้งเพียง 130,000 คัน จากทั้งหมด 800,000-1 ล้านคัน
นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังติดตามการดำเนินงานของกรมการขนส่งทางบกและบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ว่า กำหนดวันที่ 24 มกราคมนี้ เป็นวันเริ่มต้นทำการตรวจเข้มความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะและคนขับรถตามเช็คลิสต์ของกรมการขนส่งทางบก ทั้งที่สถานีขนส่งและจุดจอดรถโดยสารทั่วประเทศ นอกเหนือจากการตรวจตามปกติ หากพบการกระทำผิดจะเอาผิดตามกฎหมายขั้นสูงสุดทันที และมีผลถึงการพักใช้รถและใบอนุญาตประกอบการด้วย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง
ขณะเดียวกันติดตามความคืบหน้าการติดตั้งระบบ GPS Tracking และเชื่อมโยงข้อมูลกับศูนย์บริหารการเดินรถด้วยระบบ GPS ซึ่งได้ปรับให้รถตู้สาธารณะทุกคันต้องติดตั้งระบบดังกล่าวภายในวันที่ 31 มีนาคมนี้ จากเดิมกำหนดให้ต้องติดตั้งให้ครบทุกคันภายในปลายปี 2560 หากรถตู้คันใดไม่ติดตั้งระบบนี้จะไม่ได้รับการบรรจุเส้นทางให้วิ่งเท่ากับเป็นรถตู้ผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมการขนส่งทางบกระบุว่ารถที่กำหนดให้ติดตั้งระบบ GPS ทั้งรถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุก 800,000-1 ล้านคัน ขณะนี้ติดตั้งระบบ GPS แล้ว 130,000 คัน โดยรถตู้ร่วม บขส. 6,569 คัน ขณะนี้มีการติดตั้งระบบ GPS แล้ว 1,156 คัน ยังเหลืออีกประมาณ 5,000 คัน ที่ต้องดำเนินการติดตั้งระบบให้เสร็จภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผู้ประกอบการจะสามารถดำเนินการติดตั้งระบบได้ทัน เนื่องจากมีผู้ประกอบการรับติดตั้งมากกว่า 70 ราย ที่พร้อมดำเนินการ และเชื่อว่าการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังนี้จะทำให้ความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุในรถโดยสารสาธาณะลดลงอย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย