หลากความคิด เสวนาอนาคต “หัวลำโพง”

อสมท 14 ธ.ค. – ทุกภาคส่วนร่วมแสดงความเห็นต่ออนาคตหัวลำโพง ในเวทีเสวนา “อนาคตสถานีหัวลำโพง ประวัติศาสตร์คู่การพัฒนา” โดยมีการเสนอความเห็นหลากหลาย เพื่อรวบรวมให้หน่วยงานที่รับผิดชอบตัดสินใจต่อไป

เวทีรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วน “อนาคตสถานีหัวลำโพง ประวัติศาสตร์คู่การพัฒนา” จัดโดย การรถไฟแห่งประเทศไทย ร่วมกับสำนักข่าวไทย อสมท ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของกระทรวงสาธารณสุข และถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย, ช่องยูทูบ การรถไฟแห่งประเทศไทย Official และเฟซบุ๊กแฟนเพจ -ยูทูบสำนักข่าวไทย โดยมีผู้เข้าร่วมการเสวนาจากทุกภาคส่วน


นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวยืนยันว่าที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาบริหารจัดการเดินรถ และการจัดการรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีกลางบางซื่อ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งทุกครั้งที่มีการประชุม ไม่เคยมีการพูดว่าจะปิดหัวลำโพง แต่เป็นเพียงการลดบทบาทเท่านั้น โดยที่หัวลำโพงจะยังมีการเดินรถขบวนชานเมืองเข้าสู่หัวลำโพงอยู่ ส่วนรถทางไกลจะสิ้นสุดขบวนที่สถานีกลางบางซื่อ ทั้งนี้กระทรวงคมนาคมยืนยันว่าได้มีการเตรียมพร้อมการจัดการเดินรถ และความพร้อมด้านอื่นมาเป็นระยะเวลา 7 เดือน อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคมยืนยันว่าจะนำผลการเสวนาวันนี้ไปประกอบการพิจารณา ก่อนถึงวันที่ 23 ธันวาคมนี้

ดร.พิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดีกรมขนส่งทางราง กระทรวงคมนาคม กล่าวว่าตามแผนการลดบทบาทหัวลำโพง จะลดจำนวนขบวนรถไฟ จาก 128 ขบวน เหลือ 22 ขบวน เฉพาะขบวนรถไฟชานเมืองเท่านั้น เป็นไปตามแผนแม่บทเพื่อตอบโจทย์ การแก้ไขปัญหาจราจร ซึ่งปัจจุบันมีจุดตัด 7 จุด หากมีขบวนรถเข้าหัวลำโพง จะมีการปิดเครื่องกั้นกว่า 800 ครั้ง เมื่อลดลงเหลือ 22 ขบวน จะลดจุดตัดลงไปถึง 84 %


นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง ผู้ช่วยผู้ว่าการด้านปฏิบัติการ รฟท.กล่าวว่า สถานีกลางบางซื่อเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ เต็มรูปแบบเมื่อ 1 ธ.ค. 64 ที่ผ่านมา ขณะนี้พร้อมแล้วที่จะรองรับการเดินทางของรถไฟระบบอื่น เช่น รถไฟทางไกลที่จะมาสิ้นสุดที่นี่ และได้เตรียมระบบเดินทางต่อเชื่อมไว้รองรับการเดินทางของประชาชนแล้ว

นางไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล กรรมการ รฟท. และรักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด กล่าวว่า เอสอาร์ทีฯ ตั้งตามมติ ครม. โดย รฟท.ถือหุ้น 100% เพื่อบริหารจัดการสินทรัพย์ของ รฟท.ที่ไม่ใช่รางรถไฟ และยืนยันว่าพร้อมที่จะเข้าบริหารที่ดินทุกแปลงของการรถไฟ เพื่อให้เกิดรายได้ และผลตอบแทนกับการรถไฟฯ ส่วนพื้นที่หัวลำโพง 120 ไร่ ในอนาคตจะการพัฒนาตามแนวทางทีโอดี ให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อผู้ใช้บริการและชุมชนโดยรอบ ทั้งพัฒนาเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ ปรับทัศนียภาพ เพิ่มพื้นที่สีเขียว พื้นที่เชื่อมต่อการเดินทาง สร้างเป็นศูนย์การเรียนรู้ และสร้างพื้นที่เชิงวัฒนธรรม รวมทั้งพื้นที่เชิงพาณิชย์

นายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการ รฟท. กล่าวว่า ผู้ว่าการรถไฟฯ ควรออกมาชี้แจงด้วยตัวเอง เนื่องจากก่อนหน้านี้กระแสข่าวออกมาสับสนทั้งข่าวการปิดหัวลำโพง และ มีการเผยแพร่ภาพการพัฒนาพื้นที่สถานีหัวลำโพงให้มีลักษณะคล้ายทางเข้าห้างสรรพสินค้าหรู ซึ่งต่างกับการชี้แจงในวันนี้ โดยมองว่าปัญหาจะไม่เกิดหากมีการชี้แจง และต้องเป็นข้อเท็จจริง พร้อมระบุไม่เห็นด้วยที่จะงดเดินรถไฟสายยาว เพราะขณะนี้เส้นทางรถไฟความเร็วสูง ทั้งกรุงเทพ-นครราชสีมา และ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ยังไม่คืบหน้า และต้องเห็นใจประชาชนที่ต้องมีค่าใช้จ่ายการเดินทางที่สูงขึ้น การจะหยุดเดินรถเข้าหัวลำโพง ก็ต่อเมื่อมีโครงข่ายรถไฟสายสีแดงครบถ้วนแล้ว เรียกร้องให้พูดความจริง รถไฟไม่ได้ทำให้รถติด อยากขอให้กระทรวงพิจารณาให้รอบคอบ


ด้านนางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวว่ากระแสและภาพข่าวที่เกิดขึ้น ทำให้รู้สึกว่าเป็นการด้อยค่าหัวลำโพง ที่เป็นหน้าประวัติศาสตร์แรกของการเปลี่ยนแปลงระบบรางไปสู่ความทันสมัย หากมีการเปลี่ยนแปลงหัวลำโพง ก็ควรทำไปเพื่อประโยชน์ที่สนับสนุนการเดินรถ หน้าที่ของการรถไฟฯ คือดูแลระบบการเดินทางด้วยรถไฟให้มีคุณภาพ และควรให้ความสำคัญกับการเดินทางเชื่อมต่อที่สะดวก ไม่ควรหยุดการเดินรถเข้าหัวลำโพง เพราะมีผลกระทบทั้งในเชิงธุรกิจ เหมือนเป็นการด้อยค่ารถไฟ และหันไปหนุนรถไฟฟ้า ซึ่งมีราคาแพงกว่า พร้อมคัดค้านการหยุดขายตั๋วจากสถานีหัวเมืองมายังสถานีหัวลำโพง โดยขอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาให้รอบคอบเพราะส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้รถไฟฯ

ขณะที่ ดร.สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส. พรรคก้าวไกล ระบุว่า ปัญหาที่เกิดเป็นเพราะการบริหารจัดลำดับความสำคัญในการพัฒนาที่ผิดพลาด โดยเฉพาะโครงการรถไฟสายสีแดงอ่อน (Missing Link) ช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก และสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง ซึ่งเป็นโครงการที่ควรเกิดก่อน เพื่อเชื่อมการเดินทางสู่สถานีกลางบางซื่อ แต่กลับมีการผลักดันโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินก่อน พร้อมย้ำไม่เห็นด้วยหากจะมีการปิดหัวลำโพง แต่ยอมรับได้หลังการรถไฟชี้แจงว่าป็นเพียงการลดขบวนรถไฟเข้าหัวลำโพง แต่ยังต้องจับตาว่าจะมีการบริหารจัดการอย่างไร

เช่นเดียวกับ นายสาวิทย์ แก้วหวาน ที่ปรึกษาสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ รฟท.ที่บอกว่ายังไม่เห็นด้วยกับการหยุดเดินรถเข้าหัวลำโพง เพราะจะกระทบกับผู้ใช้บริการ แต่หากในอนาคตมีการเชื่อมต่อการเดินทางที่ครอบคลุม และให้สถานีรถไฟหัวลำโพง เป็นสถานีรถไฟและพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต โดยลดจำนวนขบวนรถที่เข้าสถานีหัวลำโพงค่อยมาคุยกันในภายหลัง โดยวันนี้ (14 ธ.ค.) ได้นำรายชื่อผู้ที่ไม่เห็นด้วยพร้อมหนังสือคัดค้านเรื่องดังกล่าวยืนต่อนายกรัฐมนตรี พร้อมระบุการนำภาระหนี้ในอนาคตมารวมกับหนี้ปัจจุบันแล้วบอกว่าการรถไฟฯมีหนี้ถึง 600,000 ล้านบาท ถือว่าไม่เป็นธรรมกับการรถไฟฯ และเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยืนยันว่า หากการรถไฟ ฯ ลดจำนวนขบวนรถไฟเข้าหัวลำโพง และทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ ตนจะไปยื่นฟ้องแน่นอน การจะปิดหรือไม่ปิดหัวลำโพง ต้องทำประชามติเพื่อฟังเสียงของประชาชนทั้งประเทศ

ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัยด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า ค่อนข้างสนับสนุนการย้ายศูนย์กลางระบบรางไปยังสถานีกลางบางซื่อ เนื่องจากพื้นที่มีความเหมาะสม และรองรับรถไฟได้หลายประเภท รวมถึง ทางคู่ และความเร็วสูง ที่ในอนาคตจะมีจำนวนเที่ยววิ่งเพิ่มขึ้นกว่าในปัจจุบัน แต่ที่สำคัญคือการเชื่อมต่อการเดินทางให้เกิดความสะดวก / แต่สิ่งที่กระทรวงคมนาคม จำเป็นต้องทำต่อคือการสร้างให้การเดินทางสะดวกขึ้น ดึงคนมาใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น และต้องเร่งแก้ปัญหา โครงการ Missing Link ที่ล่าช้ามานาน ทำให้การเดินทางไม่เชื่อมต่อ

ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาสถาปัตยกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่าการพัฒนาระบบรางเพื่อให้เกิดประโยชน์เป็นเรื่องดี แต่ต้องมีการสื่อสารที่ชัดเจนว่าประชาชนได้ประโยชน์อะไร เชื่อว่าเมื่อโครงการ Missing Link เสร็จสิ้น จะต้องมีการกำหนดราคาค่าโดยสารที่ผู้มีรายได้น้อยสามารถใช้บริการได้ด้วย

ทั้งนี้ การรับฟังความเห็นหลังการเสวนา ผู้เข้าร่วมเสวนา ขอให้กระทรวงความนาคมชะลอการปรับลดขบวนรถเข้าหัวลำโพงจากวันที่ 23 ธันวาคมนี้ ออกไปก่อน เพื่อไม่ให้ผู้ใช้บริการได้รับผลกระทบ ส่วนการจัดงานวันนี้ สำนักข่าวไทย อสมท ยืนยันว่าทำหน้าที่เป็นสื่อกลางให้ทุกภาคส่วน ได้มาเสนอความเห็น โดยไม่มีการสรุปผลในการเสวนาแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกเอกราช

ศาลสั่งจำคุก 5 ปี 93 เดือน “เอกราช” สส.ภูมิใจไทย

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก 5 ปี 93 เดือน นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย พร้อมสั่งชดใช้เงินกว่า 405 ล้านบาท คดียักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น 1,275 ล้านบาท

ลูกนายกเบี้ยว

“อนุทิน” ลั่นต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว”

“อนุทิน” ลั่นไม่มีใครใหญ่กว่าผม ต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว” ฮึ่มเป็นลูกใครทำผิดกฎหมายก็โดน ถามใหญ่กว่าผมไหม ถ้าไม่ใช่ก็โดนหมด

สลด แม่คลอดลูกเสร็จ ไปเล่นสงกรานต์ต่อ ปล่อยเด็กตาย

สลด สาววัย 27 ปี คลอดลูกทิ้งไว้ข้างกระถางต้นไม้ แล้วไปเล่นน้ำสงกรานต์ต่อ นานกว่า 1 ชม. มีคนแจ้งกู้ภัย พยายามปั๊มหัวใจ แต่ช่วยเด็กไม่ทัน

ผู้ป่วยแจ้งกู้ภัยเข้ามาช่วย แต่บอกบ้านเลขที่ผิด สุดท้ายเสียชีวิต

สลด หญิงวัย 54 ปี หายใจไม่ออกโทรแจ้งกู้ภัยให้เข้ามาช่วยพาส่งโรงพยาบาล แต่ปรากฏว่าแจ้งบ้านเลขที่ผิด เจ้าหน้าที่หลงทาง สุดท้ายไปไม่ทัน เสียชีวิตอยู่ข้างแม่ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง พบทั้งบ้านมีกองขยะสูงเท่าหลังคา

ข่าวแนะนำ

“นายกเบี้ยว” พาลูกเข้ารับทราบข้อกล่าวหา-ตร.ยัน “พีช” เจตนาทำผิดอาญา

กรณี “พีช” ลูกนายกเบี้ยว ขับรถหรูปาดหน้าชนกระบะลุงป้า ตำรวจ สภ.ลำลูกกา ยืนยันพฤติการณ์ไม่ใช่แค่ขับรถประมาท แต่เจตนาทำผิดคดีอาญา และโดนแจ้งข้อหาขับรถไม่มีใบอนุญาต เนื่องจากใบขับขี่หมดอายุตั้งแต่ปี 64 ขณะที่ล่าสุด “นายกเบี้ยว” พาลูกชายเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว

“ชัชชาติ” รับหลักฐานบางส่วนเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

“ชัชชาติ” นำทีม กทม. พบ นายกฯ รายงานคืบหน้ากู้ซากอาคาร สตง. ถล่ม ย้ำ รัฐ-เอกชน ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่ขาดเหลือด้านใด เผย นายกฯ ติดตามเรื่องนี้ต่อเนื่อง พร้อมให้ความร่วมมือตำรวจเก็บหลักฐาน แนะ ไปหน้างานประสานเจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานได้เลย ยอมรับ หลักฐานบางส่วนพังเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

ปิดเขาล้อมจับมือปืนลำดับ 93 หนีคดี 10 ปี

ปฏิบัติการบุกขึ้นเขาปิดล้อม จับกุมมือปืนคนสำคัญ ลำดับ 93 ค่าหัว 1 แสนบาท ก่อเหตุอุกอาจหนีคดีมา 10 ปี แต่สุดท้ายไม่รอดมือตำรวจ