กรุงเทพฯ 20 ม.ค. – โฆษกกระทรวงพลังงานชี้ปี 59 สร้างปรากฎการณ์ 3 ที่สุดพลังงานไทย ลดค่าไฟฟ้าสูงสุด 52.98 สตางค์ต่อหน่วย ลงทุนผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนกว่า 1,701 เมกะวัตต์ และนำเงินส่งเข้ารัฐสูงถึง 195,000 ล้านบาท พร้อมเสริมฐานความมั่นคงพลังงานปี 2560 และขับเคลื่อนนโยบาย Energy 4.0
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ปี 2559 ถือเป็นปีที่สร้างปรากฎการณ์สำคัญไว้ คือ เกิด 3 ที่สุดด้านพลังงาน ได้แก่ 1.การลดค่าไฟฟ้าสูงสุดถึง 52.98 สตางค์ต่อหน่วย (ต่อเนื่องปี 58-59) ส่งผลให้ภาพรวมของประเทศลดค่าไฟฟ้าได้สูงถึง 92,103 ล้านบาท ช่วยลดค่าครองชีพประชาชนและเพิ่มการแข่งขันให้ภาคธุรกิจ
2.การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนสูงสุดในประวัติศาสตร์ โดยมีการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนมากถึง 1,701 เมกะวัตต์ มาจากพลังงานแสงอาทิตย์ สูงสุด 1,320 เมกะวัตต์ ชีวมวล 70 เมกะวัตต์ ลม 70 เมกะวัตต์ ก๊าซชีวภาพ 70 เมกะวัตต์ ขยะ 20 เมกะวัตต์ และพลังน้ำขนาดเล็ก 1 เมกะวัตต์ และ 3.การส่งเงินจากภาษีสรรพสามิตน้ำมันเข้าคลังประเทศสูงสุด 195,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีการขับเคลื่อนนโยบายเพื่อเสริมฐานความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ที่สัมฤทธิ์ผล อาทิ ลอยตัว NGV เปิดเสรีธุรกิจก๊าซ LPG พัฒนาระบบขนส่งน้ำมันทางท่อ อนุมัติท่อก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 5 การริเริ่มนโยบาย Energy 4.0 และอื่น ๆ
ส่วนการขับเคลื่อนนโยบายเด่น ๆ ปี 2560 ขณะนี้ได้มีความพร้อมแล้ว ได้แก่ นโยบายเพื่อรองรับ Thailand 4.0 ของรัฐบาลภายใต้นโยบาย Energy 4.0 ซึ่งจะมีโครงการสำคัญ ๆ คือ การขับเคลื่อนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่คาดว่าจะเกิดสถานี EV 150 สถานี/หัวชาร์ท การผลักดันเมืองอัจฉริยะ (Smart city) ซึ่งจะมีการเลือกเฟ้น 7 สุดยอดเมืองประหยัดพลังงาน การพัฒนาระบบจัดเก็บพลังงานหรือ Energy Storage (ESS) ซึ่งจะเกิดงานวิจัยและส่งเสริมการลงทุนตั้งโรงงานผลิต รวมทั้งส่งเสริมการลงทุนพลังงานทดแทนรูปแบบใหม่ เช่น SPP Hybrid Firm และ VSPP ชุมชน
“ปี 2560 ถือว่าเป็นปีทองแห่งการอนุรักษ์พลังงานและส่งเสริมให้ประชาชนและภาคธุรกิจลดภาระค่าไฟฟ้าได้ เบื้องต้นได้มีกรอบงบประมาณเพื่อส่งเสริมงานวิจัยเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน 1,200 ล้านบาท สำหรับโครงการที่สำคัญ ๆ การส่งเสริม EV ระบบจัดเก็บพลังงาน (ESS)โครงการเงินอุดหนุนรวม (Block Grant) เพื่อปรับปรุงอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง วัสดุเพื่อการประหยัดพลังงาน ในกลุ่มอาคารภาครัฐ โรงพยาบาล การสนับสนุนอาคารที่มีการออกแบบให้ใช้ไฟฟ้าน้อยที่สุดหรือเป็นศูนย์ (Net Zero Energy Building) และกระทรวงพลังงานจะมีนโยบาย “Demand Response” ที่จะส่งสัญญาการรับซื้อผลประหยัดพลังงาน ตามช่วงเวลาที่รัฐกำหนด.-สำนักข่าวไทย