กรุงเทพฯ 6 ธ.ค. – ตำรวจแจงคลิปชายเร่ร่อน 2 คน ช่วยกันชำแหละซากสุนัขถูกรถชนตายริมถนน หวังนำเนื้อมากินประทังชีวิต
จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “ซัมมา ลากาโต๋” โพสต์คลิปวิดีโอสุดสะเทือนใจ เป็นภาพชายเร่ร่อน 2 คน กำลังช่วยกันใช้มีดชำแหละซากสุนัข ริมถนนเอกชัย ปากซอย 59 แขวงและเขตบางบอน เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยผู้โพสต์ระบุข้อความว่า “ประเทศไทยนะเนี่ย บ้าป่าวครับเนี่ย นั่งชำแหละหมาข้างถนนเลย เอกชัย 59” เป็นเหตุให้มีผู้แชร์คลิปวิดีโอดังกล่าว จนเป็นที่กล่าวถึงเป็นจำนวนมาก
นายวรวิทย์ สมสายัณห์ อายุ 25 ปี ผู้แจ้งและเป็นเจ้าของคลิปวิดีโอดังกล่าว เล่าว่า เมื่อคืนนี้ตนเองเข้าเวรปฏิบัติหน้าที่อยู่ในโรงงาน ภายในซอยเอกชัย 59 จู่ๆ มีวัยรุ่นมาแจ้งว่า ให้ช่วยออกไปดูคนเร่ร่อน 2 คน กำลังชำแหละซากสุนัขริมถนน พอออกไปดูก็พบภาพน่าสมเพช จึงบันทึกเป็นคลิปวิดีโอเอาไว้ และรีบแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ ซึ่งพอเห็นคนมามุงดูเยอะๆ ทั้งคู่ก็เริ่มวางมีด กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึง จึงสั่งให้หยุดกระทำ
ขณะที่ พ.ต.ต.จักร์พันธ์ ทองใสพร สวป.สน.บางขุนเทียน เปิดเผยถึงความคืบหน้าเรื่องนี้ว่า ช่วง 02.00 น.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากนายวรวิทย์ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของโพสต์ดังกล่าว ว่าพบชายเร่ร่อน 2 คน กำลังชำแหละซากสุนัขอยู่ริมถนน บริเวณปากซอยเอกชัย 59 จึงรีบนำกำลังสายตรวจรุดไปตรวจสอบ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพบชายเร่ร่อน 1 คน รีบวิ่งหลบหนีไป ส่วนอีกคนทราบชื่อ นายบุญส่ง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี ถูกคุมตัวไว้ได้ ในสภาพมึนเมาสุรา และเป็นบุคคลคล้ายมีอาการสติไม่สมประกอบ พร้อมซากสุนัขสีออกน้ำตาล ไม่ทราบเพศและอายุ 1 ตัว จากการสอบถามนายบุญส่ง ยอมรับว่า กำลังช่วยกันกับเพื่อนชำแหละซากสุนัขเอาไว้รับประทานจริง เนื่องจากสุนัขตัวดังกล่าวถูกรถชนตายอยู่กลางถนน จึงนำซากขึ้นมาบนบาทวิถี เพื่อทำการชำแหละ
นอกจากนี้ พ.ต.ต.จักร์พันธ์ ยังกล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบร่องรอยสุนัขตัวดังกล่าวถูกรถไม่ทราบชนิดเฉี่ยวชนตายจริง ซึ่งนายบุญส่งและเพื่อนไม่ได้ขโมยสุนัขจากเจ้าของมาทำทารุณกรรมแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถปล่อยให้นายบุญส่งและเพื่อนชำแหละซากสุนัขท่ามกลางสายตาประชาชนต่อไปได้ จึงสั่งให้เลิกกระทำ และนำถุงปุ๋ยมาใส่ซากสุนัขตัวดังกล่าว นำไปวางไว้ใกล้จุดทิ้งสิ่งปฏิกูล เพื่อรอเจ้าหน้าที่ กทม.มาเก็บไปดำเนินการพร้อมขยะต่อไป. – สำนักข่าวไทย