ภูเก็ต 18 พ.ย.-สั่งย้าย 2 ครูหนุ่มโรงเรียนสตรีชื่อดังภูเก็ต ช่วยราชการเขตพื้นที่มัธยมศึกษาฯ พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง หลังมีการแฉอ้างเป็นแชทข้อความคำพูดไม่เหมาะสมส่อไปในทางอนาจาร ด้านผู้ปกครองขอให้ผู้รับผิดชอบเร่งลงโทษ เพื่อจะได้ไม่กระทำอีก
คืบหน้ากรณีโลกทวิตเตอร์แห่ติดเเท็ก #โรงเรียนสตรีชื่อดังภูเก็ต เนื่องก่อนหน้านี้มีการเผยแพร่ข้อความซึ่งระบุว่า เป็นแชทที่ครูหนุ่ม 2 ราย ที่สอนวิชาศิลปะและพละศึกษา มีพฤติกรรมใช้คำพูดไม่เหมาะสมกับนักเรียนหญิง ลักษณะคุกคามทางเพศ นอกจากนี้ยังมีการระบุด้วยว่า มีการโทรศัพท์มาพูดคุยกับนักเรียนหญิง และถึงขั้นแอบถ่ายใต้กระโปรงก็มี
ล่าสุดช่วงบ่ายเมื่อวานนี้ (17 พ.ย.64) ทางผู้บริหารโรงเรียนมีการเรียกประชุมผู้เกี่ยวข้อง เพื่อหารือและแก้ปัญหาเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทางโรงเรียน ได้ชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ระบุว่า “เรียนแจ้งผู้ปกครองและผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน สืบเนื่องจากข่าวเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อนักเรียนของข้าราชการครูโรงเรียน 2 ราย ที่ได้สร้างความวิตกกังวลแก่นักเรียนและผู้ปกครองที่ผ่านมานั้น โรงเรียน เห็นความสำคัญถึงความปลอดภัยของนักเรียน และความกังวลของผู้ปกครอง รวมถึงประโยชน์ของทางราชการ จึงได้ดำเนินการส่งตัวข้าราชการครูทั้ง 2 ราย ให้ไปปฏิบัติราชการ ณ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพังงา ภูเก็ต ระนอง จนกว่าผลการสืบสวนข้อเท็จจริงจะแล้วเสร็จ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย. 2564 เป็นต้นไป จึงเรียนมาเพื่อประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
ผู้อำนวยการโรงเรียนที่เกิดเหตุ กล่าวว่า หลังทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้น พบว่า ครูคนดังกล่าวมีการกระทำตามที่ปรากฏในสื่อโซเซียลจริง จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชา พร้อมขอทราบแนวทางการดำเนินการเบื้องต้นกับครูทั้ง 2 คน ต่อมาสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) พังงา ภูเก็ต ระนอง ได้มีคำสั่งให้ครูทั้ง 2 คน ไปช่วยราชการที่สำนักงาน สพม. ดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่นายปิยะพงศ์ ชูวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ในฐานะดูแลด้านการศึกษาในภาพรวมของจังหวัดภูเก็ต เผยว่า จากเหตุการณ์ครั้งนี้ จะมีการทบทวนการสื่อสารภายในสถานศึกษาต่างๆ ระหว่างครูกับนักเรียนให้มากขึ้น แทนการปล่อยให้เด็กมีการสื่อสารทางโซเซียลเพียงอย่างเดียว และทำอย่างไรที่จะไม่ให้มีเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นอีก เพราะจากกรณีนี้ แสดงให้เห็นว่าระบบการสื่อสารของเด็กกับโรงเรียนหรือผู้ปกครองมีช่องว่าง เนื่องจากเด็กมีการนำข้อมูลมาสื่อสารผ่านทางโซเซียล ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขเป็นการเร่งด่วน ซึ่งจะมีการนำประเด็นที่เกิดขึ้นเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการศึกษาจังหวัด เพื่อตั้งเป็นวาระของจังหวัดเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว
ด้านผู้ปกครอง บอกว่า ต้องการให้ลงโทษครูคนดังกล่าว ไม่ใช่เพียงการย้ายไปโรงเรียนอื่น เพราะไม่เช่นนั้นก็จะไปกระทำแบบเดียวกันอีก เนื่องจากทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่า ครูคนดังกล่าวมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมมานานแล้ว แต่ที่ผ่านมาไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนที่สามารถเอาผิดได้.-สำนักข่าวไทย