นายกฯ ชูไทยฮับความมั่นคงทางอาหาร

กทม. 3 ก.พ. – “น.ส.แพทองธาร” ย้ำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์-เวลเนส เสริมศักยภาพท่องเที่ยวดันจีดีพี ชูไทยฮับความมั่นคงทางอาหาร เผยคุยกูเกิลช่วยพัฒนาคนเพิ่มศักยภาพแรงงานสายไอทีให้มีความพร้อมสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายในระยะต่อไป ปลุกพลังหญิงขับเคลื่อนประเทศ ชี้ “อุดมการณ์-ความสามารถ-ทุ่มเททำงาน” เป็นมาตรวัดคุณภาพ ลั่น “เพศ-อายุ-การแต่งกาย” แค่รูปลักษณ์ ไม่ใช่ตัวชี้วัดผลงาน แนะเด็กไทยรู้คุณค่าในตัวเอง ชู “ครัวไทย-วัฒนธรรมไทย-อุตสาหกรรมอนาคต” ดึงรายได้เข้าประเทศ ด้าน “เศรษฐา” โพสต์ส่งกำลังใจ “นายกฯ ก็มีหัวใจ”


นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาเปิดงานงาน “Go Thailand 2025 : Women Run the World” 45 ปี ฐานเศรษฐกิจ ณ TRUE ICON HALL ศูนย์การค้า ICON SIAM ว่าในตอนที่ไปแสดงวิสัยทัศน์ประเทศไทยที่เมืองดาวอส ในงาน World Economic Forum (WEF) ในปีนี้ เป็นโอกาสอันดีในประเทศไทยที่ดิฉันได้พูดคุยกับผู้นำหลายหลายประเทศและผู้นำของหลายองค์กร ทำให้เกิดนโยบายและการกระตุ้นต่างๆ มากมายในโลกนี้ สิ่งที่ดิฉันได้นำไปพูดคือเรื่องของการเป็นครัวโลกของประเทศไทยนั้น เป็นครัวของโลก ชาวต่างชาติรู้จักเราโดยที่เราไม่ต้องแนะนำตัวเอง สามารถผลักดันเรื่องซอฟต์พาวเวอร์นี้ให้ทั่วโลกได้ยอมรับประเทศไทยได้ โดยที่เราไม่ต้องพยายามมากเราได้ต่อยอดเรื่องนี้ไปในเรื่องของความมั่นคงทางอาหาร เราได้พูดเรื่องของการถนอมอาหารและเก็บอาหารในบางประเทศที่มีเรื่องของความไม่สงบ อาหารเป็นเรื่องที่หายาก เราจึงนำเสนอเรื่องของความเป็นความมั่นคงทางอาหารที่สามารถส่งให้ได้ทันทีภายในระยะเวลาอันสั้น หลายประเทศมีการชื่นชมและอยากที่จะทำงานกับเรา เราถือว่าเป็นเรื่องของตลาดนำนวัตกรรมเสริมเพิ่มรายได้ เราต้องส่งเสริมเรื่องของนวัตกรรมให้เกษตรกรสามารถทำได้ ให้สิ่งเหล่านี้สามารถกระจายวัตถุดิบไปยังที่ต่างๆ ของโลกได้ เพื่อตอบโจทย์เรื่องของการส่งออก แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรคนไทย

นอกจากนั้นเกษตรกรปรับตัวเรื่องของการรับมือกับสภาวะอากาศที่ปรับเปลี่ยนไปโดยการใช้นวัตกรรมรรัฐบาลหาเทคโนโลยีมาเติมเต็มและเรามาหาเรื่องต่างๆ เพิ่มเรื่องของเทคโนโลยีได้พบเรื่องกับผู้นำประเทศต่างๆ มีการหารือกับประเทศต่างๆ เรื่องของการแก้ปัญหาฝุ่น เราได้คุยเรื่องของการลดฝุ่น PM 2.5 ในประเทศของเราเจอปัญหานี้เช่นเดียวกับประเทศต่างๆ ในอาเซียน ที่เราได้เจอปัญหานี้เช่นเดียวกันต้องร่วมมือกันแก้ปัญหา


ทั้งนี้ ได้พูดกับประเทศต่างๆ เรื่องของวัฒนธรรมไทย คนไทยเรามีปัญหาเรื่องของการทำเรื่องของวัฒนธรรมให้เป็นการเพิ่มมูลค่า เพื่อให้ประเทศต่างๆ เข้ามาสนใจประเทศไทย การสร้างเสน่ห์ให้กับประเทศไทย เพื่อจัด festival ต่างๆ ให้มีทุกเดือน ในทุกๆ ปี ไม่ใช่เฉพาะในเรื่องของไฮซีซั่น ไม่ใช่แค่การเรื่องของสงกรานต์ เราจะจัดงานในเดือนเมษาฯ ทุกวัน เพื่อเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว เพิ่มการใช้จ่ายต่อหัวของประชาชนให้เพิ่มมากขึ้น

โดยประเทศไทยนั้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีจำนวนมากอยู่แล้ว ทุกภาคมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ มีสถานที่ที่น่าสนใจ มีเรื่องดีๆ และมีข้อดีอยู่ แต่จีดีพีของเราต้องการการกระตุ้นมากขึ้นอย่างมาก ดังนั้น ในเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอยู่อาจยังไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทั้งหมด อย่างที่เราทราบกันแล้วจีดีพีของเรานั้นเติบโตช้าเราจะต้องสร้างสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สร้างขึ้นของมนุษย์สร้างขึ้น จึงเสนอเรื่องของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือเรื่องของสุขภาพ (เวลเนส) ถือว่าเป็นสิ่งที่ผลักดันจีดีพีของประเทศให้ก้าวกระโดด ไม่ใช่เติบโตเท่าเดิม เรายังมองถึงอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ทั้งเรื่องของเซมิคอนดักเตอร์ ที่เราต้องการหาการลงทุนให้เข้ามาลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น

นอกจากนั้นเรายังดูเรื่องของต้นทุนเรื่องของพลังงานให้สามารถแข่งขันได้ หากต้นทุนของเราสามารถแข่งขันได้เราจะไม่เสียเปรียบกับประเทศอื่นๆ เรายังเน้นย้ำในเรื่องเหล่านี้อย่างมาก เรื่องของพลังงานสะอาดทุกประเทศพูดถึงเรื่องนี้ ทำอย่างไรให้อุตสาหกรรมแห่งอนาคตของเราเป็นมิตรกับธรรมชาติ ของเราไม่เพิ่มเรื่องของภาวะโลกร้อนทั่วโลก จึงให้ความสนใจเรื่องของพลังงานสะอาดอย่างมาก เราจะต้องสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนไปสู่เป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 ซึ่งเรามีการตกลงกับประเทศเพื่อนบ้านและทั่วโลกว่าเราจะรับอุตสาหกรรมในอนาคตแต่ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม


“ในเรื่องของการพัฒนาคนก็เป็นสิ่งในเรื่องของสำคัญอย่างมาก ดังนั้น การให้ทุนในนโยบาย ODOS ยังสำคัญมาก การลงทุนของ Google ในประเทศไทย เราต้องให้เขาเทรนคนให้กับประเทศเรา เพื่อให้คนไทยมีศักยภาพให้พร้อม เพื่อไม่ให้ต้องหาแรงงานที่อื่นเข้ามาทำงานกับบริษัทชั้นนำ โอกาสของคนไทย โอกาสของเด็กๆ รุ่นใหม่ต้องมอบให้กับเขา อุปกรณ์การเรียนการสอนต่างๆ ไม่เพียงพอ ต้องเตรียมคนแห่งอนาคต” นายกรัฐมนตรี ​กล่าว

นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า ​เรื่องของผู้หญิงที่เข้ามาทำงาน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน เราให้คำจำกัดความง่ายง่าย ซีโอของประเทศไทยที่เป็นผู้หญิงมีมากเป็นอันดับ 3 ของโลก ทางด้านเอกชนถือว่าเราได้รับการตอบรับผู้หญิงเป็นที่ยอมรับอย่างมาก ผู้หญิงที่ได้ขึ้นมาในเวทีถือว่าเป็นผู้หญิงเก่งทั้งนั้น ขอชื่นชมไว้ในที่นี้ด้วยที่สามารถทำผลงานให้กับประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ผู้หญิงที่อยู่ในภาคของรัฐเองยังถือว่ามีไม่มาก ตอนนี้คณะรัฐมนตรีมีผู้หญิงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย ไทยยังไม่เยอะถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ จริงๆ แล้วอาชีพต่างๆ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องเพศหรือเพศสภาพ ถ้าคนเรามีอุดมการณ์หรือความคิดที่มีความพร้อมจะช่วยผลักดันเรื่องของนโยบายเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจในการช่วยกันระหว่างภาครัฐและเอกชนต่างๆ เราก็มีการเปิดรับเช่นกันสมรสเท่าเทียมที่เพิ่งผ่านไปเมื่อเดือนมกราคมนี้ ในฐานะนายกรัฐมนตรีเราก็ภาคภูมิใจมากๆ ที่ได้เป็นนายกฯ ในประเทศที่มีกฎหมายนี้ถือว่าเป็นกฎหมายที่มีความเท่าเทียม ภาครัฐพร้อมที่จะดูแลประชาชนในทุกเพศสภาพ ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจสำหรับคนไทยทุกคน

“ในฐานะของดิฉันเองที่เป็นคุณแม่ เป็นลูกสาว และเป็นภรรยา มีหลายบทบาทหน้าที่และดิฉันเองก็เป็นคนที่จะต้องมีความสร้างความเข้มแข็งให้กับคนในครอบครัวให้กับลูกดิฉันจะต้องเข้าใจโลกแบบเข้มแข็ง ไม่ใช่เข้าใจโลกแบบฝืนธรรมชาติ เข้าใจดีว่าในการมายืนอยู่ตรงนี้ก็โดนปรามาสมากมายในเรื่องของเสื้อผ้าหน้าผม ซึ่งรูปลักษณ์ภายนอกคือความมั่นใจของแต่ละค นถ้าสอนลูกก็จะให้เขารู้ว่าค่าของเขานั้นคือคนคนนั้น” นายกรัฐมนตรี​ ระบุ

นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า อยากให้ผู้หญิงทุกๆ คนมั่นใจว่าถ้ามีความรู้ความสามารถในการทำงานนั่นคือมาตรวัดของเราว่าเราเต็มที่ในการทำงานหรือไม่ เรื่องของภายนอกคือเรื่องของภายนอก มันไม่ใช่มาตรวัดความสามารถของเรา วันนี้ต้องขอตอกย้ำตรงนี้ว่าความสามารถของเราอยู่ที่ไหน และเราจะมีบทบาทในการทำงานให้กับประเทศได้อย่างไร คนไทยมีศักยภาพมากมาย รอแค่โอกาสดีดีที่เราจะทำงานให้กับประเทศได้มากแค่ไหน เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการขึ้นกาวปาฐกถาพิเศษของ น.ส.แพทองธาร นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความทางแอปพลิเคชัน X ให้กำลังใจนายกฯ ว่า “สั้นๆ ได้ใจความนายกฯ” ก็มีหัวใจ”.-319-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ดูบังเกอร์หลบภัย ถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ มท.

11 มิ.ย.- นายกฯ ดูชาวบ้านทำบังเกอร์ ร้องโถ่ ก่อนถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ ก.มหาดไทย หลังรายงานขอรับบริจาคมาใช้แทนยางรถยนต์ วันนี้ (11 มิ.ย. 68) เวลา 13.40 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ต่อมายังหมู่บ้านสกลพัฒนา ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง เพื่อพบปะชาวบ้าน มอบสิ่งของ และตรวจดูการทำบังเกอร์หลบภัย โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้มีชาวบ้านนำผ้าขาวม้ามามอบให้ ซึ่งนายกฯ รับมาก่อนจะหันไปหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า “ผูกกันเป็นทีม” ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการสร้างบังเกอร์ โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านสกลพัฒนา รายงาน โดยนายกรัฐมนตรี ถามผู้ว่าฯ ว่า ขอเข้าไปดูได้หรือไม่ และถามชาวบ้านบ้านว่า “ทำมานานหรือยัง” โดยชาวบ้านบอกว่า […]

คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา-ค้านประกันตัว

กรุงเทพฯ 11 มิ.ย. – คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ ตำรวจคัดค้านการประกันตัว ส่วนผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวฝากขังพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1 ควบคุมตัวหมอแอร์ ไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากการกระทำความผิดมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะมีการหลบหนีและยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในระหว่างควบคุมตัว หมอแอร์สวมหมวก แว่นตาดำ และแมสก์ปิดบังใบหน้า พยายามแอบอยู่หลังเจ้าหน้าที่ โดยไม่ตอบคำถามของสื่อมวลชนแต่อย่างใด สำหรับผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ วันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) .-สำนักข่าวไทย

เปิดขบวนการ “หมอแอร์” สวมชื่อคนตายซื้อยาเสียสาว

11 มิ.ย. – ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำแถลงกรณี “หมอแอร์” พร้อมพวกรวม 7 คน แอบอ้างชื่อคลินิก 12 แห่ง สั่งซื้อยายาเสียสาว นำมาขายต่อ นาน 3 ปี และยังสวมชื่อคนตาย 370 คน รับยา ขณะที่ รพ.ตำรวจ มีคำสั่งให้ “หมอแอร์” ออกจากราชการไว้ก่อน หลังเมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.68) เจ้าหน้าที่บุกจับ “หมอแอร์” คุณหมอชื่อดัง สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมพวก แอบอ้าง 12 คลินิก สั่งซื้อยาควบคุม (ยาเสียสาว) นำมาขายต่อ นาน 3 ปี วันนี้ (11 มิ.ย.68) มีการแถลงข่าวเรื่องนี้ นำโดย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย […]

เปิดภาพความจริง! อดีต-ปัจจุบันชายแดนช่องบก

11 มิ.ย. – ‘กองทัพไทย’ เปิดภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ ชายแดนช่องบก อุบลราชธานี เปรียบเทียบอดีต-ปัจจุบัน พบการทำกิจกรรมทางทหาร-ขุดคูเลต-ทำถนนส่งกำลังบำรุง ก่อนเหตุปะทะช่องบก 28 พ.ค.2568 ทีมโฆษกกองทัพไทย เปิดข้อมูลแผนที่ทางอากาศ จัดทำโดยกองบัญชาการกองทัพไทย จากกรณีไทย และกัมพูชา มีข้อสังเกตหลายประเด็นที่ปรากฏในภาพถ่ายทางอากาศตรงจุดปะทะ โดยภาพถ่ายทางอากาศ เริ่มตั้งแต่ปี 2497 ช่วงแรกถ่ายไว้จนถึงปี 2520, 2527 และมีการถ่ายภาพทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีที่อ้างถึงการยึดครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีปัญหานานมากแล้วนั้น หากมองตามภาพถ่ายทางอากาศ จะยืนยันได้ว่า ไม่มีการเข้าไปใช้พื้นที่อย่างที่อ้าง ข้อมูลของกองทัพไทย ยังได้เปรียบเทียบเส้นสีแดงในแผนที่ เป็นเส้นแนวที่ไทยยึดถือ ใช้แบ่งแนวเขตระหว่างไทย กัมพูชา และลาว ส่วนจุดปะทะที่เกิดขึ้นนั้น เป็นพื้นที่ที่เข้ามาทางฝั่งไทย ทั้งนี้ กองทัพไทยยังมีการถ่ายทางอากาศต่อเนื่องยาวมาถึงปี 2539, 2546, 2553 และ 2561 เป็นที่สังเกตได้ว่า ช่วง 70 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2497 ไม่มีใครเข้ามาถือครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่นั้น หากมองถึงกิจกรรมของประเทศเพื่อนบ้านที่ประเด็นในปัจจุบันนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนตามภาพถ่ายทางอากาศว่า มีการเคลื่อนไหวทางการทหารที่แตกต่าง […]