นายกฯ ชูไทยฮับความมั่นคงทางอาหาร

กทม. 3 ก.พ. – “น.ส.แพทองธาร” ย้ำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์-เวลเนส เสริมศักยภาพท่องเที่ยวดันจีดีพี ชูไทยฮับความมั่นคงทางอาหาร เผยคุยกูเกิลช่วยพัฒนาคนเพิ่มศักยภาพแรงงานสายไอทีให้มีความพร้อมสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายในระยะต่อไป ปลุกพลังหญิงขับเคลื่อนประเทศ ชี้ “อุดมการณ์-ความสามารถ-ทุ่มเททำงาน” เป็นมาตรวัดคุณภาพ ลั่น “เพศ-อายุ-การแต่งกาย” แค่รูปลักษณ์ ไม่ใช่ตัวชี้วัดผลงาน แนะเด็กไทยรู้คุณค่าในตัวเอง ชู “ครัวไทย-วัฒนธรรมไทย-อุตสาหกรรมอนาคต” ดึงรายได้เข้าประเทศ ด้าน “เศรษฐา” โพสต์ส่งกำลังใจ “นายกฯ ก็มีหัวใจ”


นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาเปิดงานงาน “Go Thailand 2025 : Women Run the World” 45 ปี ฐานเศรษฐกิจ ณ TRUE ICON HALL ศูนย์การค้า ICON SIAM ว่าในตอนที่ไปแสดงวิสัยทัศน์ประเทศไทยที่เมืองดาวอส ในงาน World Economic Forum (WEF) ในปีนี้ เป็นโอกาสอันดีในประเทศไทยที่ดิฉันได้พูดคุยกับผู้นำหลายหลายประเทศและผู้นำของหลายองค์กร ทำให้เกิดนโยบายและการกระตุ้นต่างๆ มากมายในโลกนี้ สิ่งที่ดิฉันได้นำไปพูดคือเรื่องของการเป็นครัวโลกของประเทศไทยนั้น เป็นครัวของโลก ชาวต่างชาติรู้จักเราโดยที่เราไม่ต้องแนะนำตัวเอง สามารถผลักดันเรื่องซอฟต์พาวเวอร์นี้ให้ทั่วโลกได้ยอมรับประเทศไทยได้ โดยที่เราไม่ต้องพยายามมากเราได้ต่อยอดเรื่องนี้ไปในเรื่องของความมั่นคงทางอาหาร เราได้พูดเรื่องของการถนอมอาหารและเก็บอาหารในบางประเทศที่มีเรื่องของความไม่สงบ อาหารเป็นเรื่องที่หายาก เราจึงนำเสนอเรื่องของความเป็นความมั่นคงทางอาหารที่สามารถส่งให้ได้ทันทีภายในระยะเวลาอันสั้น หลายประเทศมีการชื่นชมและอยากที่จะทำงานกับเรา เราถือว่าเป็นเรื่องของตลาดนำนวัตกรรมเสริมเพิ่มรายได้ เราต้องส่งเสริมเรื่องของนวัตกรรมให้เกษตรกรสามารถทำได้ ให้สิ่งเหล่านี้สามารถกระจายวัตถุดิบไปยังที่ต่างๆ ของโลกได้ เพื่อตอบโจทย์เรื่องของการส่งออก แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรคนไทย

นอกจากนั้นเกษตรกรปรับตัวเรื่องของการรับมือกับสภาวะอากาศที่ปรับเปลี่ยนไปโดยการใช้นวัตกรรมรรัฐบาลหาเทคโนโลยีมาเติมเต็มและเรามาหาเรื่องต่างๆ เพิ่มเรื่องของเทคโนโลยีได้พบเรื่องกับผู้นำประเทศต่างๆ มีการหารือกับประเทศต่างๆ เรื่องของการแก้ปัญหาฝุ่น เราได้คุยเรื่องของการลดฝุ่น PM 2.5 ในประเทศของเราเจอปัญหานี้เช่นเดียวกับประเทศต่างๆ ในอาเซียน ที่เราได้เจอปัญหานี้เช่นเดียวกันต้องร่วมมือกันแก้ปัญหา


ทั้งนี้ ได้พูดกับประเทศต่างๆ เรื่องของวัฒนธรรมไทย คนไทยเรามีปัญหาเรื่องของการทำเรื่องของวัฒนธรรมให้เป็นการเพิ่มมูลค่า เพื่อให้ประเทศต่างๆ เข้ามาสนใจประเทศไทย การสร้างเสน่ห์ให้กับประเทศไทย เพื่อจัด festival ต่างๆ ให้มีทุกเดือน ในทุกๆ ปี ไม่ใช่เฉพาะในเรื่องของไฮซีซั่น ไม่ใช่แค่การเรื่องของสงกรานต์ เราจะจัดงานในเดือนเมษาฯ ทุกวัน เพื่อเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว เพิ่มการใช้จ่ายต่อหัวของประชาชนให้เพิ่มมากขึ้น

โดยประเทศไทยนั้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีจำนวนมากอยู่แล้ว ทุกภาคมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ มีสถานที่ที่น่าสนใจ มีเรื่องดีๆ และมีข้อดีอยู่ แต่จีดีพีของเราต้องการการกระตุ้นมากขึ้นอย่างมาก ดังนั้น ในเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอยู่อาจยังไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทั้งหมด อย่างที่เราทราบกันแล้วจีดีพีของเรานั้นเติบโตช้าเราจะต้องสร้างสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สร้างขึ้นของมนุษย์สร้างขึ้น จึงเสนอเรื่องของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือเรื่องของสุขภาพ (เวลเนส) ถือว่าเป็นสิ่งที่ผลักดันจีดีพีของประเทศให้ก้าวกระโดด ไม่ใช่เติบโตเท่าเดิม เรายังมองถึงอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ทั้งเรื่องของเซมิคอนดักเตอร์ ที่เราต้องการหาการลงทุนให้เข้ามาลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น

นอกจากนั้นเรายังดูเรื่องของต้นทุนเรื่องของพลังงานให้สามารถแข่งขันได้ หากต้นทุนของเราสามารถแข่งขันได้เราจะไม่เสียเปรียบกับประเทศอื่นๆ เรายังเน้นย้ำในเรื่องเหล่านี้อย่างมาก เรื่องของพลังงานสะอาดทุกประเทศพูดถึงเรื่องนี้ ทำอย่างไรให้อุตสาหกรรมแห่งอนาคตของเราเป็นมิตรกับธรรมชาติ ของเราไม่เพิ่มเรื่องของภาวะโลกร้อนทั่วโลก จึงให้ความสนใจเรื่องของพลังงานสะอาดอย่างมาก เราจะต้องสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนไปสู่เป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 ซึ่งเรามีการตกลงกับประเทศเพื่อนบ้านและทั่วโลกว่าเราจะรับอุตสาหกรรมในอนาคตแต่ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม


“ในเรื่องของการพัฒนาคนก็เป็นสิ่งในเรื่องของสำคัญอย่างมาก ดังนั้น การให้ทุนในนโยบาย ODOS ยังสำคัญมาก การลงทุนของ Google ในประเทศไทย เราต้องให้เขาเทรนคนให้กับประเทศเรา เพื่อให้คนไทยมีศักยภาพให้พร้อม เพื่อไม่ให้ต้องหาแรงงานที่อื่นเข้ามาทำงานกับบริษัทชั้นนำ โอกาสของคนไทย โอกาสของเด็กๆ รุ่นใหม่ต้องมอบให้กับเขา อุปกรณ์การเรียนการสอนต่างๆ ไม่เพียงพอ ต้องเตรียมคนแห่งอนาคต” นายกรัฐมนตรี ​กล่าว

นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า ​เรื่องของผู้หญิงที่เข้ามาทำงาน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน เราให้คำจำกัดความง่ายง่าย ซีโอของประเทศไทยที่เป็นผู้หญิงมีมากเป็นอันดับ 3 ของโลก ทางด้านเอกชนถือว่าเราได้รับการตอบรับผู้หญิงเป็นที่ยอมรับอย่างมาก ผู้หญิงที่ได้ขึ้นมาในเวทีถือว่าเป็นผู้หญิงเก่งทั้งนั้น ขอชื่นชมไว้ในที่นี้ด้วยที่สามารถทำผลงานให้กับประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ผู้หญิงที่อยู่ในภาคของรัฐเองยังถือว่ามีไม่มาก ตอนนี้คณะรัฐมนตรีมีผู้หญิงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย ไทยยังไม่เยอะถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ จริงๆ แล้วอาชีพต่างๆ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องเพศหรือเพศสภาพ ถ้าคนเรามีอุดมการณ์หรือความคิดที่มีความพร้อมจะช่วยผลักดันเรื่องของนโยบายเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจในการช่วยกันระหว่างภาครัฐและเอกชนต่างๆ เราก็มีการเปิดรับเช่นกันสมรสเท่าเทียมที่เพิ่งผ่านไปเมื่อเดือนมกราคมนี้ ในฐานะนายกรัฐมนตรีเราก็ภาคภูมิใจมากๆ ที่ได้เป็นนายกฯ ในประเทศที่มีกฎหมายนี้ถือว่าเป็นกฎหมายที่มีความเท่าเทียม ภาครัฐพร้อมที่จะดูแลประชาชนในทุกเพศสภาพ ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจสำหรับคนไทยทุกคน

“ในฐานะของดิฉันเองที่เป็นคุณแม่ เป็นลูกสาว และเป็นภรรยา มีหลายบทบาทหน้าที่และดิฉันเองก็เป็นคนที่จะต้องมีความสร้างความเข้มแข็งให้กับคนในครอบครัวให้กับลูกดิฉันจะต้องเข้าใจโลกแบบเข้มแข็ง ไม่ใช่เข้าใจโลกแบบฝืนธรรมชาติ เข้าใจดีว่าในการมายืนอยู่ตรงนี้ก็โดนปรามาสมากมายในเรื่องของเสื้อผ้าหน้าผม ซึ่งรูปลักษณ์ภายนอกคือความมั่นใจของแต่ละค นถ้าสอนลูกก็จะให้เขารู้ว่าค่าของเขานั้นคือคนคนนั้น” นายกรัฐมนตรี​ ระบุ

นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า อยากให้ผู้หญิงทุกๆ คนมั่นใจว่าถ้ามีความรู้ความสามารถในการทำงานนั่นคือมาตรวัดของเราว่าเราเต็มที่ในการทำงานหรือไม่ เรื่องของภายนอกคือเรื่องของภายนอก มันไม่ใช่มาตรวัดความสามารถของเรา วันนี้ต้องขอตอกย้ำตรงนี้ว่าความสามารถของเราอยู่ที่ไหน และเราจะมีบทบาทในการทำงานให้กับประเทศได้อย่างไร คนไทยมีศักยภาพมากมาย รอแค่โอกาสดีดีที่เราจะทำงานให้กับประเทศได้มากแค่ไหน เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการขึ้นกาวปาฐกถาพิเศษของ น.ส.แพทองธาร นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความทางแอปพลิเคชัน X ให้กำลังใจนายกฯ ว่า “สั้นๆ ได้ใจความนายกฯ” ก็มีหัวใจ”.-319-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ บอกเวลา 4 เดือน เศรษฐกิจต้องไปข้างหน้า “มีรูมีหนู”

สภาหอการค้าฯ 18 ก.ย.-นายกฯ บอกเวลา 4 เดือน เศรษฐกิจต้องไปข้างหน้า “มีรูมีหนู” ต้องผลักดันเต็มที่ พร้อมแก้ไขปัญหาภาคเอกชนสู่นโยบายรัฐบาล ยันทำทุกทางให้ไทยเป็นคู่ค้าที่ได้เปรียบ ไม่ปิดกั้นนโยบายคนอื่น ขอให้วินวินทุกฝ่าย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมหารือกับสภาหอการค้าไทยว่า ตนและทีมงานได้มาพบกับทางคณะกรรมการสภาหอการค้าไทย เหมือนกับวันที่เราไปเยี่ยมที่สภาอุตสาหกรรม เราพยายามที่จะไปพบกับภาคเอกชนก่อนที่จะเข้าไปบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อที่จะได้รับฟังข้อเสนอแนะและปัญหาที่ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลได้สนับสนุนหรือแก้ไข จะรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด เพื่อเวลาเข้าไปทำงานจะได้ดำเนินการให้ทุกอย่าง ขับเคลื่อนไปด้วยความรวดเร็ว มาพบกับคณะผู้บริหารสภาหอการค้าไทย ถือว่าเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการ เรารับฟังข้อเสนอแนะข้อกังวล สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการให้รัฐบาลได้ดำเนินการ เพื่อทำให้เกิดความคล่องตัว ทั้งด้านการเงิน ภาระหนี้สิน ดอกเบี้ย พลังงาน การส่งออก แรงงาน และโอกาสต่างๆ สำหรับประเทศไทยในอนาคต ได้มีการหารือลงในรายละเอียดมากพอสมควร และจะต้องมีการพบกันเป็นประเด็นไปหากมีความจำเป็น แต่ในภาพรวมจะหาโอกาสมาหารือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อถามว่า หารือแล้วได้จัดเตรียมมาตรการความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง นายอนุทิน เผยว่า รับฟังปัญหาต่างๆ เรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการ แรงงาน ภาษี ขนส่งต่างๆ เราพยายามที่จะทะลายข้อจำกัดที่มีอยู่ ไม่จำเป็นไม่ปิดกั้นโอกาส ส่วนรายละเอียด ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะนำสิ่งเหล่านี้ไปหาทางทำให้คล่องตัวขึ้น […]

ตำรวจเสริมกำลังบ้านหนองหญ้าแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – ตำรวจเสริมกำลังที่บ้านหนองหญ้าแก้ว หลังวานนี้ชาวกัมพูชาพยายามเข้ามาทำลายทรัพย์สิน รื้อลวดหนามในพื้นที่อธิปไตยไทย จนเจ้าหน้าที่ต้องผลักดันออกไป ที่วัดหนองหญ้าแก้ว ยังเป็นจุดพักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์ชาวกัมพูชาพยามเข้ามารื้อลวดหนาม ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินราชการในพื้นที่บริเวณอธิปไตยของไทยอีกหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ต้องบังคับใช้กฎหมายมีการดำเนินการอย่างที่ปฏิบัติมาเมื่อวานนี้ตามหลักสากล เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม เพราะจากข้อมูลตามเพจ พบชาวกัมพูชาระดมมวลชนเพิ่ม ดังนั้น วันนี้นอกจากตำรวจในจังหวัดสระแก้วแล้ว ยังมีการเสริมกำลังตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาอีก 2 กองร้อย 340 คน ได้แก่ ตำรวจจากปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุเมื่อวานนี้ ทางกองทัพบกย้ำว่าจุดปะทะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตไทย การที่ชาวกัมพูชาบุกรุกเข้ามาทำลายสิ่งของทางราชการ และก่อการจลาจลบนแผ่นดินไทย เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงต้องถูกดำเนินการตามกระบวนการ และยืนยันการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปตามขั้นตอนตั้งแต่การเจรจา แจ้งเตือน และควบคุมการจลาจลตามหลักสากล โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง ที่สำคัญพบว่าทหารของกัมพูชาที่ร่วมในเหตุการณ์กลับไม่ห้ามปราม และมีท่าทีสนับสนุนการจลาจล ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุการณ์ฝ่ายกัมพูชายังออกแถลงการณ์บิดเบือนข้อมูลทั้งหมดนี้แสดงถึงเจตนาของฝ่ายกัมพูชาในการใช้ประชาชนออกหน้ารุกล้ำดินแดนไทยและความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนตามข้อตกลงหยุดยิงย้อนแย้งกับภาพลักษณ์ที่รัฐบาลกัมพูชาพยายามสร้างต่อสังคมโลกว่าเป็นผู้แสวงหาสันติภาพ. -สำนักข่าวไทย

นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย

สภาหอการค้าไทย 18 ก.ย.-นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย ย้ำนำชื่อ ครม. ทูลเกล้าฯ แล้ว ลั่นลุยงานทันที หลังโปรดเกล้าฯ เผย “เอกนิติ” คัด รมช.คลัง มาเองกับมือ โวเร่งเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเข้มแข็ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ระหว่างคณะรัฐบาล และคณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยนายอนุทินกล่าวว่า มาวันนี้เพื่อพบกับทุกคน และมีว่าที่รัฐมนตรีที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทุกคนในที่นี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับตน เจอกันมานาน มีความสนิทสนมคุ้นเคย เคารพนับถือกันเป็นอย่างดี นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งที่มาวันนี้ เพื่อมาพบทุกท่านและนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจมาแนะนำให้รู้จัก เชื่อว่าหลายคนก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว วันนี้ตั้งใจมารับฟังรายละเอียด และรับฟังข้อเสนอแนะจากสภาหอการค้าไทย รัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เป็นรัฐบาลที่จะเน้นในการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้มีความกระชับและเข้มแข็งขึ้นเร็วที่สุด ภายใต้ระยะเวลาที่มีอยู่ นายอนุทินยังแนะนำผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีของตนซึ่งได้ทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อไปแล้ว เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ ก็จะเร่งแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา และสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้แนะนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจให้ผู้ร่วมประชุมได้รู้จัก โดยในขณะที่แนะนำว่าที่รัฐมนตรี นายอนุทิน ได้กล่าวถึงนายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ว่า เป็นคนฝีมือดี ซึ่งนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส […]

พายุในทะเลจีนใต้ ส่อแรงขึ้นเป็นโซนร้อน ทำฝนเพิ่มระยะนี้

กรุงเทพฯ 18 ก.ย.-กรมอุตุฯ เตือนพายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน แม้จะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่ส่งผลให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านตอนกลางประเทศ ทำให้ไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และบางพื้นที่อาจมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ย้ำจะมีฝนตกต่อเนื่องถึงต้นเดือนตุลาคม นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศเปิดเผยว่า พายุลูกดังกล่าวมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 19.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 120.0 องศาตะวันออก บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ เคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนแล้วในช่วงเช้าวันนี้ (18 ก.ย.) โดยมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือค่อนตะวันตกเล็กน้อย ด้วยความเร็ว 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 19–20 กันยายน 2568 ทั้งนี้แม้พายุไม่ได้เข้าไทยโดยตรง แต่จากอิทธิพลทางอ้อมของพายุ จะดันให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมากในช่วงวันที่ 18–25 กันยายนนี้ พื้นที่ที่มีแนวโน้มฝนตกสะสมในระดับเสี่ยง ได้แก่ จังหวัดอำนาจเจริญ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน […]