ปักกิ่ง 4 ก.พ. – จีนประกาศใช้มาตรการภาษีกับสินค้านำเข้าจากสหรัฐ ทันทีที่มาตรการเก็บภาษีจีนของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ มีผลตั้งแต่เที่ยงวันนี้ตามเวลาไทย โดยมาตรการจีนจะมีผลตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์
ทั้งนี้หลังจากมาตรการเก็บภาษีอีกร้อยละ 10 กับสินค้าจีนทั้งหมดที่นำเข้าสหรัฐมีผลตั้งแต่เวลา 00.01 น.วันนี้ตามเขตเวลาตะวันออก หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ย้ำว่า จีนพยายามไม่มากพอในการหยุดยั้งเฟนทานิล ซึ่งเป็นยาแก้ปวดชนิดแรงและเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่งไม่ให้หลั่งไหลเข้าสหรัฐ กระทรวงคลังของจีนแถลงในอีกไม่กี่นาทีถัดมาว่า จะเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 15 กับถ่านหินนำเข้าจากสหรัฐ และอัตราร้อยละ 10 กับน้ำมันดิบ อุปกรณ์ทางการเกษตร และยานยนต์บางประเภทที่นำเข้าจากสหรัฐ เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ รอยเตอร์ตั้งข้อสังเกตว่า จีนนำเข้าน้ำมันดิบจากสหรัฐน้อยมาก โดยนำเข้าเพียงร้อยละ 1.7 เมื่อปี 2567
นอกจากนี้จีนได้เปิดการสอบสวนเรื่องต่อต้านการผูกขาดกับกูเกิล (Google) บริษัทอินเทอร์เน็ตของอัลฟาเบ็ต (Alphabet) ขึ้นบัญชีเป็นนิติบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือกับพีวีเอชคอร์ป (PVH Corp) ที่เป็นบริษัทผู้ถือหุ้นในหลายบริษัทและอิลลูมินา (Illumina) ที่เป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐ
ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานศุลกากรจีนแถลงว่า กำลังควบคุมการส่งออกโลหะหลายอย่างที่มีความสำคัญต่อการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า ยุทโธปกรณ์ และแผงเซลล์แสงอาทิตย์ ประกอบด้วยทังสเตน เทลลูเรียม โมลิบดีนัม บิสมัท และอินเดียม เพื่อปกป้องผลประโยชน์ด้านความมั่นคงแห่งชาติ
โฆษกทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีทรัมป์จะไม่คุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนจนกว่าจะถึงปลายสัปดาห์นี้ หลังจากเมื่อวานนี้ทรัมป์ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบามของเม็กซิโกและนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดของแคนาดา และตกลงชะลอการเก็บภาษีทั้ง 2 ประเทศนี้ออกไป 30 วัน
ทรัมป์เคยเปิดฉากสงครามการค้ากับจีนนาน 2 ปีในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก ครั้งนั้นเหตุผลของสหรัฐ คือ จีนได้ดุลการค้าสหรัฐจำนวนมหาศาล การตอบโต้กันไปมาของ 2 เศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกได้สร้างความเสียหายให้แก่ห่วงโซ่อุปทานโลกและเศรษฐกิจโลก.-814.-สำนักข่าวไทย