“เต้ มงคลกิตติ์” หอบกล้องวงจรปิด 34 จุดคดี “แตงโม” มอบดีเอสไอ

ดีเอสไอ 3 ก.พ.- นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เพื่อมอบหลักฐานและให้ข้อมูลดีเอสไอ หลังรับเป็นเลขสืบสวนที่ 20/2568


นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหมายเรียกตนให้มาเป็นพยาน จากกรณีที่เคยร่วมหาพยานหลักฐานในช่วง 30 วันแรกหลังการเสียชีวิตของ “แตงโม” เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ว่ามีจุดใดบ้างที่น่าสังเกต หรือสงสัยว่าเป็นการฆาตกรรมอำพราง ซึ่งเคยถูกคนบนเรือฟ้องมาแล้วในการให้สัมภาษณ์ดังกล่าวสันนิษฐานว่าเป็นฆาตกรรมแต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นใครและศาลก็ยกฟ้องไปแล้ว รวมถึงขณะนั้นดีเอสไอไม่มีอำนาจการสืบสวนและเป็นหน้าที่ของตำรวจ แต่ช่วงที่ผ่านมาตนก็อยู่กับคุณแม่แตงโมมาตลอด กระทั่งดีเอสไอรับเป็นเลขสืบสวนจึงเรียกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงขอพยานหลักฐานเท่าที่มี เพื่อนำไปตั้งเรื่องใหม่ เรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ม.157 ไม่เกี่ยวกับคดีเก่า

นายมงคลกิตติ์ กล่าวอีกว่า วันนี้นำหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดทั้งหมด 34 จุด ที่จะมอบให้ดีเอสไอ โดยเฉพาะกล้องจากร้านกระแชงมอญ ที่เห็นชัดว่ามีเจ็ตสกี 4 ลำ ขับนำหน้าเรือสปีดโบ๊ท ดังนั้นจะต้องมาตรวจสอบตำแหน่ง GPS มือถือแตงโม กับ GPS เจ็ตสกีทั้งหมดว่าไปด้วยกันหรือไม่ หากไปด้วยกันก็คงเป็นประเด็นเรียกมาให้ข้อมูล


นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกล้องวงจรปิดอีกจุดที่น่าสนใจ และยังไม่เคยถูกนำเข้าไปในสำนวนแรก ซึ่งก็น่าจะถือได้ว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่ ก็คือกล้องวงจรปิดใต้สะพานซังฮี้ เวลา 22.11 น. จับภาพมีบุคคล 5 คน ชัดเจนว่าไม่เห็นคนอยู่ท้ายเรือ ต่างกับที่ตำรวจนำกล้องวงจรปิดสะพานมาบอกว่ามีคนนั่งอยู่ท้ายเรือ และเวลาในกล้องของตำรวจ ยังคลาดเคลื่อนกับกล้องที่ตนเองได้มา ณ จุดเดียวกันด้วย

นายมงคลกิตติ์ กล่าวอีกว่า เมื่อรวมกับประจักษ์พยานหลักฐานใหม่ จากการจำลองเหตุการณ์ตกท้ายเรือครั้งล่าสุด ก็ชัดเจนแล้วว่าตกอย่างไรก็ไม่โดนใบพัดเรือ ไม่สามารถทำให้เกิดบาดแผลถูกใบพัดเรือที่ขาได้ แม้คนบนเรือจะบอกว่าแตงโมเกาะเรืออยู่ 10 วินาที ความเร็วเรือขนาดนั้นจะทำให้ตัวของแตงโมเอียง 30 องศา ไปกับผิวน้ำตามความแรงเรือ ซึ่งก็จะไม่โดนใบพัดเรืออยู่ดี ทางเดียวที่จะโดนใบพัดเรือได้ คือการจอดเรืออยู่กับที่ ติดเครื่องให้ใบพัดเรือหมุน แล้วถ่างขาแตงโมคร่อมใบพัดเรือ

นอกจากนี้ยังมีประเด็นต้องสงสัยเรื่องมือถือแตงโมที่ถูกปิดไป 3 ชั่วโมงไม่ปกติ เพราะคนบนเรือน่าจะมีพาวเวอร์แบงค์ และมือถือคนอื่นก็ไม่ได้แบตหมด และการที่จะทำให้คนใดคนหนึ่งปิดมือถือ เปิดโหมดเครื่องบิน และมือถือไม่ได้อยู่กับตัวเจ้าของ มีสถานการณ์เดียวเท่านั้นคือการไปพบผู้ใหญ่ ที่กลัวถูกแอบถ่ายหรือบันทึกเสียง ซึ่งพฤติกรรมการพาไปเจอผู้ใหญ่มีมานานแล้ว แต่ส่วนใหญ่จะไม่ฆ่ากัน หากไม่ยอมก็เพียงไม่พูดคุย ดังนั้นจึงต้องทำให้เกิดความชัดเจนว่าในช่วงเวลาที่หายไป 3 ชั่วโมง มือถือแตงโมอยู่ที่ใด ซึ่งตนเองทราบว่าดาวเทียมฝั่งยุโรปน่าจะมีเทคโนโลยีให้สามารถจับตำแหน่งมือถือแตงโมได้จากแอปฯ ธนาคาร


นายมงคลกิตติ์ บอกด้วยว่า ตนเองก็ไม่แน่ใจว่าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนชุดเดิมปฏิบัติหน้าที่ชอบหรือไม่ชอบ ผิดหรือไม่ผิด เพราะก็ทำตามอำนาจหน้าที่ภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด มิฉะนั้นจะสั่งฟ้องผู้ต้องหาไม่ทัน ซึ่งก็มีกฎหมายคุ้มครองอยู่ แต่ส่วนตัวยังตั้งปมมุ่งเน้นไปที่เรื่องฆาตกรรม เพียงแต่ไม่รู้ว่าใครทำ แต่เชื่อว่าดีเอสไอน่าจะทำให้คดีนี้กระจ่างได้ภายในปีนี้ และคิดว่ามีโอกาสสูง ถ้าหลักฐานพยานต่างๆ ไปถึง ก็น่าจะรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ และอาจนำไปสู่การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม

สำหรับอุปสรรคการสู้คดีในปัจจุบัน ถ้าสู้กับคนมีเงิน คนมีเงินมีเส้นสาย ย่อมมีอิทธิพลต่อการทำสำนวนค่อนข้างสูง สามารถจ้างพยานเท็จได้ หรือจ้างพยานให้กลับคำให้การได้ และยังจ้างผู้เสียหายให้ถอนคดีได้ และหากยิ่งมีอำนาจทางการเมืองด้วยก็ยิ่งไปกันใหญ่ ดังนั้นตอนนี้คงต้องหวังพึ่งดีเอสไอ

ล่าสุด พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยภายหลังนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เข้าให้ปากคำในฐานะพยาน ในคดีการเสียชีวิตปริศนาของ “แตงโม นิดา” ว่า เบื้องต้นยังอยู่ระหว่างกระบวนการเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าให้ถ้อยคำ ซึ่งมีประมาณ 20 ปาก ในจำนวนนี้ก็มีคนดังอย่าง “หนุ่ม กรรชัย” “นายเอกพันธ์-บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” และ “พ.ต.ต.ปวิณวิช รอดบางยาง” ซึ่งจะทยอยนัดหมายให้มาพบภายในเดือน ก.พ. นอกจากนี้ ในวันที่ 17-19 ก.พ. ดีเอสไอจะลงพื้นที่ทดสอบล่องเรือเก็บข้อมูลตามเส้นทางเดินเรือจริงที่ปรากฎตามจีพีเอส (GPS) และจะนำเครื่องจีพีเอส และเครื่องโซนาร์หาวัตถุใต้น้ำ ไปเก็บข้อมูลความลึกและความผิดปกติต่าง ๆ ใต้น้ำด้วย

ขณะที่นายมงคลกิตติ์ เผยว่า ในวันที่ดีเอสไอจะลงพื้นที่ ตนเองจะสนับสนุนด้วยการส่งโดรนสำรวจใต้ท้องทะเลไปช่วยสำรวจใต้แม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร ตั้งแต่ท่าเรือพิบูลย์สงครามถึงวัดค้างคาว ว่ามีอะไรที่พอจะเป็นพยานหลักฐานในคดีเพิ่มเติมหรือไม่ ดังนั้น ขอฝากประชาชนที่อยู่บริเวณดังกล่าวที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วยติดกล้องวงจรปิด จับตาไม่ให้มีคนลงดำใต้น้ำในช่วงนี้ เพราะอาจเป็นการพยานหลักฐานในอนาคต พร้อมตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ช่วงคืนวันเกิดเหตุหลังแตงโมหายตัวไป นักประดาน้ำลงพื้นที่งมหาใต้แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณดังกล่าวร่วม 30 ชั่วโมง แต่ก็ไม่เจอร่างของแตงโม ตนเองจึงสันนิษฐานว่าในเวลาดังกล่าว ร่างแตงโมไม่ได้อยู่บริเวณนั้น แต่เพิ่งมาเมื่อเช้ามืดวันที่ 26 ก.พ.67 ส่วนตัวเชื่อว่าแตงโมมีโอกาสสูงที่จะถูกจับถ่วงน้ำด้วยหินปูน และเอาเชือกมัดไว้ใต้แม่น้ำเจ้าพระยา.-119-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

งานบอล “ธรรมศาสตร์-จุฬาฯ” ครั้งที่ 75 ล้อการเมืองจัดเต็ม

ฟุตบอลประเพณี “ธรรมศาสตร์-จุฬาฯ” ครั้งที่ 75 เริ่มแล้ว ล้อการเมืองจัดเต็ม หลังอัดอั้นมา 5 ปี เหน็บ “รักวัวให้ผูก รักลูกให้เป็นรัฐมนตรี” หุ่น “พิธา-ทักษิณ” วิวาห์ล่ม ปล่อยประชาชนลอยแพ จำลอง “แก้รัฐธรรมนูญ” ถามแก้ชาติไหน บอกกูที

ไฟไหม้บ้านอาจารย์ ม.ดัง ภรรยาวัย 69 ดับสลด

ระทึกกลางดึก! ไฟไหม้บ้านอาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดัง ภรรยาวัย 69 ปี หนีไม่ทัน ดับสลด คาดต้นเพลิงเกิดจากแบตเตอรี่รถจักรยานไฟฟ้าระเบิด

ระทึก! แผงเหล็กเวทีถล่ม ขณะ “ซาบีดา” เปิดงานที่ยโสธร

ระทึก! แผงเหล็กเวทีถล่ม ขณะ “ซาบีดา” เปิดงานที่ จ.ยโสธร เจ้าตัวบาดเจ็บเล็กน้อย โชว์สปิริตเปิดงานต่อ ด้าน สส.ยโสธร ภท. เจ็บหนัก กระดูกสันหลังแตก

ข่าวแนะนำ

หุ้นAOT

AOT แจ้ง ตลท.ข้อมูล คิงเพาเวอร์ แต่หุ้นยังดิ่งแรง

AOT ชี้แจงข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เรื่องคิงเพาเวอร์ แต่หุ้นยังดิ่งแรง ยืนยันไม่ได้ทำการแก้ไขสัญญาสัมปทาน โดยราคาหุ้น AOT ร่วงลงไปแตะจุดต่ำสุด 41.50 บาทในช่วงเช้าวันนี้

ครม.สัญจรสงขลา

“แพทองธาร” นายกฯ ลงพื้นที่ จ.สงขลา ก่อนประชุม ครม.สัญจร

“แพทองธาร” นายกฯ ลงพื้นที่ จ.สงขลา ติดตามการบริหารจัดการน้ำ รับฟังปัญหาการผลิตและส่งออกอาหารทะเล พร้อมผลักดันการท่องเที่ยวเมืองเก่า ก่อนประชุม ครม.สัญจร พรุ่งนี้

รมต.จีนเข้าเมียวดี

“ภูมิธรรม” แจง “หลิว จงอี” เข้าเมียวดี เป็นข้อตกลงร่วม 3 ประเทศ

“ภูมิธรรม” เผย “หลิว จงอี” เข้าเมียวดีจัดการแก๊งคอลฯ ประสานผ่านรัฐบาลไทยแล้ว ย้ำเป็นข้อตกลงร่วม 3 ประเทศแบ่งหน้าที่กันทำ ระบุการส่งตัวหลังจากนี้ให้เมียนมารับผิดชอบ ไทยพร้อมสนับสนุนหากร้องขอ ยันหมายจับ “หม่อง ชิตตู” ดีเอสไอยังไปต่อ แม้จะช่วยปราบคอลเซ็นเตอร์