กทม. 16 พ.ย.- ตำรวจ 191 จับเครือข่ายขนยาเสพติด ดัดแปลงช่องลับในรถเก๋งขนาดใหญ่ซุกยา ก่อนขับไปส่งเอเย่นต์ที่ประเทศเพื่อนบ้านทั้งรถและยา
พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมตำรวจกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191 แถลงจับกุมนายอัจฉริยะ แฉล้มวารี และนายลัทธิ ปิ่นเกตุ พร้อมยาบ้า 196,000 เม็ด ไอซ์น้ำหนักรวมกว่า 300 กิโลกรัม อาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง รถยนต์ 10 คัน รถจักรยานยนต์ 2 คัน โทรศัพท์มือถือ พร้อมสมุดบัญชีธนาคารอีก 2 เล่ม
พฤติการณ์ของเครือข่ายนี้ กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้รับการประสานข้อมูลจากชุดปฏิบัติการด้านยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ว่าเป็นเครือข่ายยาเสพติดที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ภาค 8 มีพฤติกรรมเคลื่อนย้ายยาเสพติดเข้ามาพักในกรุงเทพมหานคร ก่อนส่งไปพื้นที่อื่น ชุดสืบสวน 191 จึงขยายผลสืบสวนหาข่าว จนทราบว่ามีกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยพักอยู่บ้านหลังหนึ่ง ซอยพัฒนาการ จึงเฝ้าสังเกตการณ์จนพบพฤติกรรมที่เข้าข่าย จึงเข้าตรวจค้น พบยาบ้า 196,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเดินทางภายในบ้าน ขณะที่จากการตรวจสอบจุดอื่นยังพบไอซ์บรรจุอยู่ในถุงชาสีเขียว จำนวน 100 ถุง น้ำหนักรวมกว่า 100 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์ ซึ่งผู้ต้องหาเตรียมขับออกจากบ้านพัก แต่ถูกตรวจค้นจนพบของกลางก่อน ภายในบ้านยังพบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนอีกจำนวนหนึ่ง
ผู้ต้องหาสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ได้นำไอซ์กว่า 200 กิโลกรัม ซุกซ่อนใส่รถยนต์ 2 คัน และนำไปจอดไว้ยังจุดจอดอีกแห่งหนึ่งในซอยย่านรามคำแหง จึงขยายผลไปตรวจสอบ และพบรถยนต์ของกลางซุกซ่อนไอซ์ตามคำให้การ อยู่บริเวณช่วงท้ายของตัวรถที่ดัดแปลงให้เป็นช่องเก็บของ เพื่อหลบเลี่ยงสายตาเจ้าหน้าที่
จากการตรวจสอบรถยนต์ทั้งหมดที่จอดอยู่ในบ้านพักย่านซอยพัฒนาการ พบว่ามีการดัดแปลงเตรียมทำช่องเก็บของลับ บริเวณด้านหลังเบาะที่เชื่อมไปยังช่วงท้ายกระโปรงหลังเกือบทุกคัน โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 คน รับสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างจากชายไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง โดยขับรถขนยาเสพติดมาให้จากจังหวัดหนองคาย แล้วว่าจ้างให้ดัดแปลงรถยนต์เพื่อใช้ซุกซ่อนยาเสพติด เป็นเงินจำนวน 150,000 บาท ต่อการดัดแปลงขนย้ายยาเสพติดลอตนี้ ก่อนส่งลงไปยังภาคใต้
สำหรับวิธีการส่งยาเสพติดของเครือข่ายนี้ จะใช้วิธีการส่งรถยนต์ทั้งคันออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ปลายทางทำการรื้อยาเสพติดออกจากที่ซ่อนเอง เพื่อสะดวกต่อชุดขนย้าย และไม่เป็นที่สังเกตจากเจ้าหน้าที่ จากการตรวจสอบป้ายทะเบียนอย่างละเอียด ทราบเพียงว่าเป็นรถที่ถูกต้องตามกฏหมาย มีทะเบียนและมีผู้ครอบครอง ไม่ใช่รถที่ถูกโจรกรรมมา และไม่ได้มีการแจ้งหาย ซึ่งจะเรียกผู้มีชื่อตามทะเบียนมาสอบปากคำว่าเกี่ยวข้องกับเครือข่ายนี้หรือไม่
มีรายงานจากชุดสืบสวนว่า เครือข่ายนี้จะเลือกรถยนต์มือสองที่ราคาไม่สูงนัก แต่เป็นรถยนต์ขนาดใหญ่ หรือมีช่วงท้ายยาว เพื่อง่ายต่อการซุกซ่อนยาเสพติด รวมถึงง่ายต่อการจัดส่ง เพราะใช้วิธีการขับข้ามประเทศและเดินทางกลับ.-สำนักข่าวไทย