ลพบุรี 7 พ.ย. – ตาวัย 72 ลงตาข่ายในหนองน้ำกลับได้จระเข้ 2 ตัว พลาดถูกกัดมือหวิดขาด ชาวบ้านผวาไม่กล้าออกไปทำประมง คาดอาจหลุดมาจากฟาร์มที่อยู่ใกล้กัน วอนหน่วยงานตรวจสอบ
มีชาวบ้านออกไปลงตาข่ายหาปลาบริเวณหนองน้ำและร่องสวนมะพร้าวหลังบ้านของนายลำดวน ปุราสะเน อายุ 68 ปี ใน อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี แต่กลับติดจระเข้ขนาดใหญ่ 2 ตัว จากการสังเกตบริเวณโดยรอบเป็นทุ่งนา หนองน้ำ และร่องน้ำสวนมะพร้าว
คุณตาตุ๋ย คอนเมฆ อายุ 72 ปี ชาวบ้านที่จับจระเข้ที่ติดตาข่ายได้ เล่าว่า นำตาข่ายไปดักปลาที่หนองน้ำใกล้บ้าน จากนั้นออกไปดูตาข่ายที่ลงไว้ที่จุดแรก ในหนองน้ำลึกประมาณ 2 เมตร พบว่าจระเข้ตัวใหญ่ขนาดความยาว 170 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 30 กิโลกรัม ติดตาข่ายอยู่ จึงจับขึ้นมาจากน้ำ มัดปากแล้วนำไปผูกล่ามไว้ที่ใต้ต้นมะม่วงใกล้ร่องสวนมะพร้าว จากนั้นจึงเดินทางไปดูตาข่ายที่หนองน้ำจุดที่ 2 น้ำลึกประมาณ 2 เมตร ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 150 เมตร พบว่ามีจระเข้ขนาดใหญ่ยาว 2 เมตร น้ำหนักกว่า 40 กิโลกรัม ติดตาข่าย จึงนำขึ้นมาจากน้ำ และระหว่างกำลังจะจับจระเข้เพื่อมัดปากกลับถูกจระเข้สะบัดกัดมือด้านขวา แต่สามารถจับจระเข้ตัวที่ 2 มัดปากได้สำเร็จ ก่อนนำตัวไปผูกล่ามใต้ต้นมะม่วง ยอมรับว่าจระเข้ทั้ง 2 ตัวนี้ดุร้ายมากจากที่เคยจับจระเข้ในแหล่งน้ำนี้ได้แล้วจำนวนหลายตัว รวมถึงชาวบ้านย่านนี้เคยจับจระเข้ได้ที่บริเวณแหล่งน้ำแห่งนี้จำนวนหลายตัว ซึ่งมีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เนื่องจากย่านนี้อยู่ติดกับฟาร์มจระเข้ ที่ผ่านมาเมื่อชาวบ้านจับจระเข้ได้แล้วแจ้งให้เจ้าของฟาร์มจระเข้ทราบทุกครั้ง กลับได้รับการปฏิเสธว่าไม่ใช่จระเข้ที่หลุดออกมาจากฟาร์มของตน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ว่าพื้นที่แห่งนี้จะมีจระเข้มาอยู่อาศัย ถ้าไม่ใช่จากฟาร์ม
ด้านชาวบ้านกล่าวว่า ในพื้นที่แหล่งน้ำบริเวณโดยรอบฟาร์มจระเข้แห่งนี้คาดว่ายังต้องมีจระเข้อีกจำนวนมาก เนื่องจากชาวบ้านที่เดินทางออกไปทุ่งนาต่างพบเห็นว่ามีรอยเท้า และเห็นตัวจระเข้ลอยอยู่ในหนองน้ำ ร่องสวนต่างๆ จึงอยากให้หน่วยงานรับผิดชอบตรวจสอบถึงลักษณะของจระเข้ว่าเป็นจระเข้จากธรรมชาติ หรือจระเข้จากฟาร์ม และช่วยล่าจะเข้ที่ยังคงหลงเหลืออีกหลายตัวให้หมดสิ้น เนื่องจากชาวบ้านหวาดผวา ไม่กล้าออกไปในนา หรือออกทำประมง เพราะกลัวจระเข้จะทำร้ายถึงชีวิต.-สำนักข่าวไทย