กกต.มีมติปรับปรุงระเบียบองค์การเอกชน

สำนักงาน กกต. 15 พ.ย.- ที่ประชุม กกต.มีมติปรับปรุงระเบียบองค์การเอกชน เพิ่มความยืดหยุ่นช่วยตรวจสอบการเลือกตั้งให้โปร่งใส ขณะเดียวกันเดินหน้าสรรหา เลขาธิการ กกต. คนใหม่


นายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงผลการประชุม กกต. ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาปรับปรุงแก้ไขระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยองค์กรเอกชน พ.ศ. …. เพื่อสนับสนุนและขยายเครือข่ายองค์การเอกชนอย่างต่อเนื่อง และสร้างการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนให้เข้ามาเป็นกลไกการทำงานของ กกต. ในการตรวจสอบการเลือกตั้งทุกระดับ จึงได้ปรับปรุงแก้ไขใน 4 ประเด็น คือ

1.ความง่าย ในการจดทะเบียน จากเดิมต้องมีสมาชิก 50 คน เปลี่ยนให้มีจำนวนสมาชิกไม่น้อยกว่า 15 คน และให้อำนาจคณะอนุกรรมการฯ ได้แก่ เลขาธิการ กกต. หรือ รองเลขาธิการ กกต. ที่ได้รับมอบหมายเป็นประธาน และอนุกรรมการอีกไม่เกิน 6 คน มีอำนาจรับรององค์การเอกชนที่มีความประสงค์จะช่วยเหลือการปฏิบัติงานในพื้นที่ จากเดิมที่ กกต. ต้องเป็นผู้รับรอง ขณะที่อายุการรับรององค์กรเอกชนมีอายุคคราวละ 5 ปี จากเดิมที่เป็นนิติบุคคลมีอายุคราวละ 4 ปี และไม่เป็นนิติบุคคลมีอายุคราวละ 2 ปี


2. การทำงานยืดหยุ่นมากขึ้น เช่นการเสนอโครงการขอตรวจสอบการเลือกตั้งล่วงหน้าก่อนมี พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง และการรับรองบัญชีโครงการโดยไม่ต้องจัดให้การรับรองบัญชีโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาตเว้นแต่โครงการวงเงินเกิน 200,000 บาท 3.กลไกการทำงานมีประสิทธิภาพ องค์กรเอกชนขนาดเล็กสามารถเสนอโครงการตรวจสอบเฉพาะบางพื้นที่ส่วนองค์กรฯ ใหญ่ เสนอโครงการตรวจสอบพื้นที่จังหวัด หรือตามความเหมาะสม และ 4.อาสาสมัครฯมีความมั่นคงปลอดภัย โดยกำหนดหลักเกณฑ์ความคุ้มครองหากอาสาสมัครฯประสบอุบัติเหตุ ทั้งนี้ กกต. ตั้งเป้าให้มีองค์กรเอกชนตรวจสอบการเลือกตั้งอย่างน้อยจังหวัดละ 1 องค์กร และมีอาสาสมัครตรวจสอบการเลือกตั้งไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด เพื่อให้การเลือกตั้งมีความสุจริตโปร่งใส

นายธนิศร์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุม กกต. ยังพิจารณา เรื่องการคัดเลือกบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กกต. คนใหม่ ที่มีความล่าช้า เนื่องจากมีการฟ้องร้องศาลปกครองเรื่องคุณสมบัติผู้สมัคร ที่ต้องรอว่าศาลปกครองจะมีคำสั่งยกเลิกกระบวนการสรรหาหรือไม่ แต่เห็นว่าขณะนี้ระยะเวลานานพอสมควรแล้ว คณะกรรมการสรรหาจึงส่งเรื่องให้ กกต.พิจารณา.-สำนักข่าวไทย

 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง