ยธ.30 ม.ค.-ก.ยุติธรรม ประชุมข้อคิดเห็นกฎหมายหนี้นอกระบบ พบเห็นต่างหลายประเด็นเด็น เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา
พ.ต.อ.ดุษฏี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม (ศนธ.ยธ.)เป็นประธานการประชุมเรื่อง ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ….ตามคำสั่งของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี โดยมีผู้แทนจากสำนักงานอัยการสูงสุด หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย เข้าร่วม
พ.ต.อ.ดุษฏี กล่าวภายหลังการประชุมฯ ว่า ทางคณะกรรมาธิการในด้านการใช้กฎหมายได้ตั้งข้อสังเกตให้นำความผิดฐานเป็นอั้งยี่มาใช้บังคับกรณีนายทุนมีลักษณะเป็นเครือข่ายขบวนการเพราะเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน พ.ศ.2475 เนื่องจากตัวบทลงโทษเดิมมีความรุนแรงมากกว่า ต่างจากด้านหน่วยงานด้านกฎหมายที่อยากให้ความผิดฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา นอกจากเป็นมูลฐานความผิดแล้ว ยังอยากให้เพิ่มข้อหาเหตุฉกรรจ์ และเพิ่มองค์กรอาชญากรรมด้วย ใส่ไว้ใน ร่าง พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. …
ทั้งนี้ในส่วนข้อคิดเห็นที่แตกต่างจะไม่มีผลต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งทุกคน ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เดินหน้าจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษต่อเนื่อง โดยผลการประชุมระดมความเห็นครั้งนี้ จะรวบรวมนำข้อสรุปในประเด็นต่างๆวมทำเป็นเอกสารเพื่อนำข้อชี้แนะทั้งหมดเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป แต่คาดว่าจะไม่ทันในวันอังคารนี้ โดยจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด
นอกจากนี้ยังกล่าวถึงความคืบหน้ลการดำเนินคดีกับนายวิชัย ปั้นงาม เครือข่ายระดับบนแก๊งเงินกู้นอกระบบรายใหญ่ที่สุดในประเทศ ว่า ขณะดำเนินการจับกุมยังเป็นการบังคับใช้กฎหมายห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ฉบับเก่า ปี 2475 แต่ขอให้มั่นใจว่าจะเดำเนินการเอาผิดอย่างถึงที่สุดเพราะเป็นคดีที่ส่งผลกระทบต่อคนส่วนมาก
ล่าสุดจากรายงานของดีเอสไอ พบว่าเครือข่ายขบวนการนี้ยังคงออกไปข่มขู่ลูกหนี้ในพื้นที่ต่างๆอย่างต่อเนื่อง จึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานท้องถิ่นเข้าไปดูแลความปลอดภัยของลูกหนี้และตามจับเครือข่ายมาดำเนินคดีต่อเนื่อง รวมถึงตอนนี้กำลังดำเนินการสืบสวนขยายผล เพื่อนำไปสู่การยึดทรัพย์เพิ่มเติมแต่จะเป็นพื้นที่ใดยังไม่สามารถบอกได้เพราะเกรงจะรู้ตัวและหลบหนีการจับกุม
อย่างไรก็ตามในส่วนนักการเมืองชื่อดัง หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคมที่ปรากฎรายชื่อโอนเงินให้ขบวนการนายวิชัยหลายสิบล้านบาท หลังส่งเรื่องให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาไปให้เข้าตรวจสอบเส้นทางการเงิน ล่าสุดขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อหรือประสานข้อมูลกลับมาแต่อย่างใด โดยกระทรวงได้พยายามสอบถามความคืบหน้าอยู่อย่างต่อเนื่อง ส่วนนายวิชัยขณะนี้ยังไม่ทราบว่าหลาหนีอยู่ในพื้นที่ใด.-สำนักข่าวไทย