นนทบุรี 29 ต.ค.-พาณิชย์เดินหน้าเสริมศักยภาพธุรกิจโลจิสติกส์ไทย เพิ่มทักษะบริหารจัดการสู่มาตรฐานสากลพร้อมรับมือลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ก่อนเปิดประเทศเต็มรูปแบบ เชื่อช่วยนำรายได้เข้าสู่ประเทศมหาศาล
นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเร่งดำเนินการพัฒนาธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ ทั้งด้านการพัฒนาองค์ความรู้ที่จำเป็นการบริหารจัดการธุรกิจอย่างเป็นระบบ พร้อมยกระดับการบริการให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล และเพิ่มโอกาสทางการแข่งขันในยุค next normal โดยในปีงบประมาณ 2565 ได้จัดกิจกรรมเพื่อสร้างความเข้มแข็งใน ธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ 2 กิจกรรมคือ กิจกรรมสร้างศักยภาพธุรกิจและการบริการโลจิสติกส์รองรับการค้ายุคใหม่ เป็นการเสริมสร้างความรู้ทั้งกลยุทธ์การบริหารจัดการองค์กร การเสริมสร้างศักยภาพและโอกาสทางการค้าธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ด้วยเทคโนโลยี กิจกรรมให้ความรู้ และฝึกปฏิบัติจริง (Workshop) การฝึกใช้เทคโนโลยีช่วยจัดเก็บ วิเคราะห์ข้อมูล และการบริหารจัดการธุรกิจที่เหมาะสมกับประเภทธุรกิจ เพื่อวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถให้บริการอย่างเป็นระบบและรวดเร็ว สร้างความโปร่งใส ลดการใช้ทรัพยากร ต้นทุน และรายจ่าย โดยตั้งแต่ปี 2549-2564 มีธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องผ่านการอบรมในกิจกรรมนี้จำนวน 5,024 ราย สำหรับในปีนี้จะมีธุรกิจฯ ที่ผ่านกิจกรรมเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 750 ราย
ทั้งนี้ กิจกรรมยกระดับความเชื่อมั่นธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ด้วยมาตรฐานสากล เป็นกิจกรรมพัฒนาการบริหารจัดการให้มีคุณภาพ ตลอดจนธุรกิจสามารถผ่านการรับรองมาตรฐานสากล ISO 9001 ได้ นำไปสู่การสร้างความเชื่อมั่นและการยอมรับจากผู้ใช้บริการทั้งในและต่างประเทศ ต่อยอดไปสู่การแข่งขันในระดับสากล โดยตั้งแต่ปี 2553-2564 มีธุรกิจที่ได้พัฒนาและผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO แล้ว จำนวน 678 ราย และในปีนี้คาดว่าจะมีธุรกิจที่ผ่านมาตรฐาน ISO จำนวน 36 กิจการ และสร้างกำไรให้กับธุรกิจเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 อีกทั้ง ธุรกิจทั้งหมดนี้จะสามารถออกไปสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากถึง 58 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ถือเป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี 2561-2580) ของประเทศไทย ตลอดจนสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและแข่งขันได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมาโลจิสติกส์ถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากทุกคนต้องหลีกเลี่ยงการเดินทางและการรวมตัวจึงใช้เวลาอยู่ในที่พักเป็นส่วนใหญ่ พฤติกรรมการดำเนินชีวิตปรับเปลี่ยนเป็นการใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น ธุรกิจขนส่งจึงกลายเป็นเครื่องมือที่จะเชื่อมโยงระหว่างสินค้ากับผู้บริโภคให้ถึงกัน เมื่อมีความต้องการจากผู้บริโภคที่มากขึ้นอย่างก้าวกระโดดทำให้พื้นที่ในธุรกิจโลจิสติกส์เกิดการแข่งขันเพิ่มขึ้นตามมา มีการแข่งขั้นทั้งด้านราคาที่ถูกลง การใช้เทคโนโลยี และการให้บริการที่สะดวก รวดเร็ว ดังนั้น ผู้ให้บริการโลจิสติกส์จะต้องเร่งปรับตัวเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจและตอบสนองความต้องการของลูกค้าออนไลน์มากขึ้น และแนวทางการผ่อนคลายนโยบายด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ด้วยประกาศเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสามารถเข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัวแต่อยู่ในเงื่อนไขนั้นจะส่งผลเชิงบวกต่อธุรกิจในประเทศ เกิดการค้าขายที่คึกคักมากขึ้นและเป็นผลทำให้ธุรกิจโลจิสติกส์ได้รับอานิสงค์ในครั้งนี้ด้วย และจากข้อมูลการจดทะเบียนนิติบุคคลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 มีธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ จำนวน 30,568 ราย คิดเป็นร้อยละ 3.77 จากจำนวนนิติบุคคลทั้งประเทศเป็นต้น.-สำนักข่าวไทย