พณ.ใช้ 9 แนวทางเสริมความรู้ธุรกิจออนไลน์ไทยแข่งต่างชาติ

นนทบุรี 3 ส.ค.-อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประกาศ 9 มาตรการ เร่งเสริมแกร่งติดอาวุธผู้ประกอบการไทยรับมือรูปแบบการค้ายุคใหม่ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้อย่างเข้มแข็งและเติบโตอย่างมีศักยภาพ พร้อมเร่งทำงานร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรด้านการบังคับใช้กฎหมายเพื่อกำกับดูแลให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการไทย

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากรูปแบบการค้าในปัจจุบันที่มีการรุกตลาดแรงและเร็วผ่านระบบออนไลน์ เน้นการขายด้วยสินค้าต้นทุนถูกทำให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะSME ที่ปรับตัวไม่ทัน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ขานรับข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายนภินทรศรีสรรพางค์) ให้ดูแล SME จึงพร้อมเดินหน้าเร่งเสริมแกร่งติดอาวุธให้ผู้ประกอบการไทย เพื่อปรับตัวก้าวให้ทันการแข่งขันยุคใหม่ที่รูปแบบการค้าเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว


ทั้งนี้ ได้จัดกิจกรรมที่จะเสริมแกร่ง SME ด้วยองค์ความรู้และการตลาดแนวใหม่ เสริมด้วยการขยายช่องทางการตลาด ก้าวทันเทรนด์และตรงใจผู้บริโภค ผ่าน 9 มาตรการ ดังนี้

1.การขยายช่องทางการตลาดผ่านออนไลน์ โดยการจัดกิจกรรมส่งเสริมผู้ประกอบการให้ใช้ช่องทางการค้าออนไลน์ในการขยายตลาด ประกอบด้วย1.1) การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพด้าน e-Commerce ให้แก่ผู้ประกอบการทั่วประเทศ ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรต่างๆ เช่น * หลักสูตรปั้นร้านค้าออนไลน์ขั้นเทพ (Online Marketing Genius: OMG) * หลักสูตรปั้นเจ้าของธุรกิจให้เป็นอินฟลูเอนเซอร์(The Influencer Journey : TIJ) และ * หลักสูตรสร้างนักขายออนไลน์มืออาชีพ (Smart Trader Online)


ซึ่งมีเป้าหมายให้ผู้ประกอบการได้รับการอบรมทั้ง 3 หลักสูตรรวมกว่า 4,000 ราย 1.2) การสร้างโอกาสทางการตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce Booster) ผ่านหลักสูตรชุมชนออนไลน์นวัตกรรมรักษ์โลก (Digital Village by BCG) เป็นกิจกรรมยกระดับชุมชน โดยการนำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นเครื่องมือที่จะช่วยเหลือชุมชนที่อยู่ห่างไกลให้สามารถทำการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็ง โดยได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน มีเป้าหมาย 20 ชุมชนทั่วประเทศ 1.3) สร้างความเชื่อมั่นและน่าเชื่อถือให้กับร้านค้าออนไลน์ (Trust and Security) ผ่านเครื่องหมายรับรองผู้ประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (DBD Registered) และเครื่องหมายรับรองความน่าเชื่อถือ (DBD Verified)1.4) สร้างความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Market Collaboration) ยกระดับสภาพแวดล้อมและปัจจัยที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนา e-Commerce ecosystem ผ่านงานมหกรรม Thailand e-Commerce Expo 2024 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 – 21 สิงหาคม 2567 ณ ไอคอนสยาม โดยมีผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมาย 3,000 ราย รวมถึงการสร้างเครือข่ายแพลตฟอร์มและส่งเสริมการค้าออนไลน์ในประเทศ โดยการจัดทำหน้า Landing Page บนแพลตฟอร์ม e-Marketplace และ Social Commerce ที่มีชื่อเสียง เพื่อส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการไทยในแพลตฟอร์มเหล่านั้นอีกด้วย

2.สร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการ SMEโดยนำผู้ประกอบการชุมชนซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายย่อย/รายย่อมออกงานแสดงและจำหน่ายสินค้า ณ ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าชื่อดัง เพื่อสร้างการรับรู้สินค้าและบริการ เป็นการขยายช่องทางการตลาดผ่านการสัมผัสจับต้อง เช่น โครงการส่งเสริมพัฒนาเครือข่ายผู้ประกอบการรายย่อยก้าวทันการค้ายุคใหม่ ระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม – 2 กันยายน 2567 ณศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวสเกต จ.นนทบุรี โครงการส่งเสริมกระจายสินค้าพื้นถิ่นไทยสู่ตลาด จัดขึ้นระหว่างเดือนตุลาคม – ธันวาคม 2567 ณ ไอคอนสยาม นำผู้ประกอบการธุรกิจบริการและสินค้าสุขภาพและความงาม อาทิ ธุรกิจสปา ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ร่วมออกงานแสดงและจำหน่ายสินค้า ภายในงานThailand Wellness & Healthcare Expo 2024ระหว่างวันที่ 16 – 18 สิงหาคม 2567 ณ ไบเทคบางนา พร้อมทั้งนำผู้ประกอบการชุมชนเข้าเจรจาจับคู่ธุรกิจกับเทรดเดอร์/บายเออร์รายใหญ่ของประเทศ เพื่อขยายตลาดและสร้างการรับรู้ให้แก่สินค้ามากขึ้น

3.การส่งเสริมสร้างภาพลักษณ์สินค้าชุมชนของไทย ทั้งการช่วยประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย การส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชน DBD Smart Local BCG ให้เป็นที่รู้จักแก่ผู้บริโภคมากขึ้น


4.การเจรจาหาพื้นที่จำหน่ายสินค้าฟรีหรือราคาพิเศษให้ผู้ประกอบการชุมชนและผู้ประกอบการรายย่อย เช่น ตลาดนัด ห้างสรรพสินค้า สถานีบริการน้ำมัน ฯลฯ เพื่อช่วยลดภาระต้นทุนของผู้ประกอบการ ปัจจุบันมี 19,000 ทำเล

5.เสริมสร้างองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการประกอบธุรกิจให้พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ เช่น การเสริมทักษะด้านการวิเคราะห์ข้อมูล (Data-Driven Decision) เพื่อให้สามารถกำหนดแนวทางการผลิตสินค้าที่โดนใจผู้บริโภค การทำ Branding การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการพัฒนาสินค้า/ธุรกิจ และการยกระดับธุรกิจเข้าสู่เกณฑ์มาตรฐานสากล เป็นต้น

6.ส่งเสริมการเชื่อมโยงพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูล ส่งต่อความรู้และลูกค้าระหว่างกัน เช่น การรวมกลุ่มเป็นเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมกับ เครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club ทั่วประเทศ จัดงานสัมมนา‘พลิกโฉมธุรกิจ พิชิตโอกาส’ ระหว่างวันที่ 6-7สิงหาคม 2567 ณ จ.เชียงราย และการรวมกลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์ที่ได้รับการส่งเสริมจากกรมฯ

7.การสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ สร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ ด้วยระบบแฟรนไชส์ที่ได้มาตรฐาน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการมีแต้มต่อในการประกอบธุรกิจจากแบรนด์และแผนธุรกิจที่ผ่านความสำเร็จมาแล้ว

8.เสริมศักยภาพร้านค้าโชห่วยด้วยเทคโนโลยียุคใหม่ทั้งด้านความรู้ และใช้ POS บริหารจัดการร้านค้า เพื่อลดต้นทุน เพิ่มยอดขาย และนำร้านค้าส่งค้าปลีกท้องถิ่นต้นแบบที่ผ่านการพัฒนาจากกรม ไปเป็นพี่เลี้ยงยกระดับร้านโชห่วยให้มีภาพลักษณ์ที่ดี มีความสามารถในการแข่งขัน พร้อมเชื่อมโยงกับซัพพลายเออร์เพื่อเป็นพันธมิตรในการทำธุรกิจ

9.อำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาให้บริการประชาชนและภาคธุรกิจ เพื่อช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ลดระยะเวลา และเพิ่มความเชื่อมั่นในการเข้าใช้บริการกับกรมฯ เช่น การให้บริการข้อมูลธุรกิจ ผ่านระบบ DBD DataWarehouse+ การให้บริการหนังสือรับรองนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Certificate File) และการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

อย่างทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่สนใจกิจกรรมติดอาวุธเสริมทักษะเพื่อเร่งปรับตัวรับมือกระแสการค้าโลกใหม่ทั้ง9 มาตรการ สามารถติดตามข้อมูลและลงทะเบียนร่วมกิจกรรมได้ทาง www.dbd.go.th ซึ่งกรมฯ หวังว่ากิจกรรมเสริมทักษะและติดอาวุธเหล่านี้จะเป็นลมใต้ปีกและพลังสำคัญที่ช่วยให้ SME ไทยสามารถแข่งขันได้อย่างเข้มแข็งและเติบโตได้อย่างมีศักยภาพในโลกการค้ายุคใหม่ ขณะเดียวกัน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จะเร่งทำงานร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรด้านการบังคับใช้กฎหมายเพื่อกำกับดูแลให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการไทย จากการเข้ามาแข่งขันและจัดตั้งธุรกิจโดยผิดกฎหมายของต่างชาติ ซึ่งรวมถึง การตรวจสอบธุรกิจที่มีลักษณะนอมินี หรือให้คนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าวเพื่อหลีกเลี่ยงการขออนุญาตประกอบธุรกิจตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ที่กำหนดให้คนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจบริการตามบัญชีท้าย พ.ร.บ.ฯ และต้องการถือหุ้นเกินร้อยละ 50 ต้องเข้าสู่กระบวนการขออนุญาตโดยถูกต้อง มิฉะนั้นจะมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.-514.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กั้นแนวถนนบ้านหนองจาน ตามประกาศเคอร์ฟิว

สระแก้ว 27 ส.ค. – มวลชนชาวไทยร่วมร้องเพลงชาติ ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 18.00 น. จากนั้นทหารขอความร่วมมือให้ออกนอกพื้นที่ ตามประกาศเคอร์ฟิว ก่อนนำลวดหนามและเครื่องกีดขวาง กั้นแนวขอบถนนศรีเพ็ญ ห้ามผู้ใดข้ามไป เพื่อความปลอดภัย. – สำนักข่าวไทย

ดินถล่มหมู่บ้าน อ.แม่แจ่ม ตาย 3 สูญหาย 6

เชียงใหม่ 27 ส.ค. – ฝนที่ตกหนักจากฤทธิ์ของพายุ “คาจิกิ” ทำให้เกิดดินถล่มในหมู่บ้านปางอุ๋ง ซึ่งอยู่บนดอยสูง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย บาดเจ็บ 15 ราย และยังสูญหายอีก 6 ราย สภาพหมู่บ้านเต็มไปด้วยดินโคลนที่ถล่มลงมาทับบ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลัง. – สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงข้าหลวงใหญ่ UN ปมกัมพูชา

สวิตเซอร์แลนด์ 27 ส.ค.-“มาริษ” เผยคุยรองข้าหลวงใหญ่ UN ปมไทย-กัมพูชา สัญญาณบวก เข้าใจไทยไม่ทำผิดกติการะหว่างประเทศ ไม่เห็นด้วย “ฮุน เซน” อัดเสียงคุยนายกฯ และการใช้สงครามข่าวปลอม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบหารือกับนางนาดา อัล-นาชิฟ (Nada Al-Nashif) รองข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อแสดงข้อมูลหลักฐานและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา นายมาริษ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า ได้เล่าให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ฟังถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาในหลายประเด็น ซึ่งรองข้าหลวงใหญ่ฯมีความเห็นที่สนับสนุนประเทศไทยในหลายเรื่อง และมีท่าทีที่เป็นห่วงประเทศไทยมาก ซึ่งตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการที่กัมพูชาใช้โซเชียลมีเดียโจมตีไทยมานานแล้ว มีการให้ข้อมูลว่าไทยลอกเลียนแบบวัดและประวัติศาสตร์ของกัมพูชา ซึ่งไทยพยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยความอดทนอดกลั้น และพยายามชี้แจงให้เห็นว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ก่อตั้งกันมาจากรากเหง้าทางวัฒนธรรมเดียวกัน ไทยต้องการแก้ไขปัญหาไม่ต้องการแสดงความร้าวฉานระหว่างชุมชนและ ประชาชนของทั้งสองประเทศ และเมื่อปัญหาคุกรุ่นมากขึ้นไทยก็พยายาม แก้ปัญหาด้วยการให้กัมพูชามาพูดคุยแบบทวิภาคี เป็นการอธิบายให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ได้เข้าใจว่าไทยปฏิบัติตามกติกา ยึดถือกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ และพยายามหาทางให้กัมพูชามาพูดคุยกับไทย ซึ่งไทยกับกัมพูชามีข้อตกลง MOU43 ที่ทั้งสองประเทศจะต้องแก้ปัญหาร่วมกันอย่างสันติวิธี และด้วยความจริงใจ นับเป็นกลไกที่องค์การสหประชาชาติให้ความสำคัญ คือการเจรจาทวิภาคีโดยสันติและจริงใจ โดยไทยยึดมั่นมาโดยตลอด และเป็นเป้าหมายที่สำคัญของไทย นายมาริษ กล่าวว่าตนได้หยิบยกประเด็นที่สมเด็จฮุน เซน อัดเสียงพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของไทย และนำมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง […]

“ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว

ศาลอาญาฯ 27 ส.ค. – “ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว เหตุคดีมีอัตราโทษสูง และมีทรัพย์สินมูลค่าความเสียหายสูง พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการป้องกันปราบปราม ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอฝากขังครั้งแรก พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือนายอลงกต พูลมุข ผู้ต้องหาที่ 1 และนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล ผู้ต้องหาที่ 2 ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยินยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าโดยทุจริต, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่รักษาทรัพย์ใดฯ, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอนุญาตให้ฝากขัง 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.- 7 ก.ย.นี้ โดยผู้ต้องหาที่ 1 ไม่ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นนี้ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 […]