กรุงเทพฯ 26 ต.ค. – ธนาคารกลางมาเลเซีย- ธปท. ขยายขอบเขตกลไกการชำระเงินสกุลริงกิต – เงินบาท เริ่ม 1 ธ.ค.64 เพิ่มขึ้นอีกประเทศละ 2 ธนาคาร หวังส่งเสริมธุรกรรมการเงินข้ามพรมแดน ให้ประชาชนและภาคธุรกิจ 2 ประเทศที่จะใช้ได้ทั้งเงินริงกิตหรือเงินบาท
ธนาคารกลางมาเลเซีย (Bank Negara Malaysia: BNM) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศการขยายขอบเขตของกลไกการชำระเงินสกุลริงกิต – บาท (ringgit – baht settlement framework) ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 โดยการขยายความร่วมมือครั้งนี้ นับเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการใช้เงินสกุลท้องถิ่นเพื่อสนับสนุนการค้าและการลงทุนโดยตรงระหว่างประเทศมาเลเซียและไทย ส่งผลให้จะขยายกลุ่มผู้ใช้บริการ ให้ครอบคลุมชาวไทยที่พำนักในมาเลเซีย และชาวมาเลเซียที่พำนักในไทย รวมถึงมีการผ่อนคลายกฎเกณฑ์การแลกเปลี่ยนเงินเพิ่มเติม เช่น เกณฑ์การเรียกเอกสารให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เป็นต้น
นายอับดุล ราชีด กาฟโฟร์ รองผู้ว่าการธนาคารกลางมาเลเซีย กล่าวว่าการขยายขอบเขตของกลไกการชำระเงินครั้งนี้ จะช่วยให้บุคคลธรรดาและภาคธุรกิจของทั้งสองประเทศสามารถใช้เงินริงกิต หรือเงินบาทในการทำธุรกรรมทางการเงินได้สะดวกมากขึ้น ซึ่งจะช่วยส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศในระยะต่อไป
นายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า การขยายขอบเขตของกลไกการชำระเงินสกุลริงกิต – บาท ครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์กับประชาชนและภาคธุรกิจในมาเลเซียและไทย ช่วยส่งเสริมการทำธุรกรรมทางการเงินข้ามพรมแดน อีกทั้งยังช่วยสนับสนุนการเชื่อมโยงการชำระเงินผ่าน QR Code ระหว่างสองประเทศที่เริ่มให้บริการไปในช่วงก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ ธปท. เชื่อว่าการขยายขอบเขตของกลไกดังกล่าว จะช่วยส่งเสริมการใช้เงินสกุลท้องถิ่นและการรวมกลุ่มทางการเงินภายในภูมิภาคอาเซียนต่อไป
กลไกความร่วมมือระหว่างไทยและมาเลเซียนี้ เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2559 ภายใต้บันทึกความเข้าใจระหว่างธนาคารกลางมาเลเซีย และ ธปท. ว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการชำระเงินสกุลท้องถิ่นที่มีการลงนามเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2558 และได้ขยายความร่วมมือครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2561 โดย ได้ร่วมกันคัดเลือกธนาคารพาณิชย์จากทั้งสองประเทศ เพื่อดำเนินการภายใต้กลไกการชำระเงินสกุลริงกิต-บาท โดยมีเกณฑ์ในการพิจารณาเข้าร่วม ได้แก่ เงินกองทุนและสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง ประสบการณ์การให้บริการด้านการค้าและการลงทุนโดยตรงระหว่างทั้งสองประเทศ รวมถึงการมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่เข้มแข็งกับธนาคารพาณิชย์ในอีกประเทศหนึ่ง
สำหรับธนาคารพาณิชย์ในมาเลเซีย ที่ได้รับการแต่งตั้งเพิ่มเติม ได้แก่ HSBC Bank Malaysia Berhad, Standard Chartered Bank Malaysia Berhad ส่วนธนาคารพาณิชย์เดิมที่ได้รับการแต่งตั้ง คือ Bangkok Bank Berhad, CIMB Bank Berhad, Malayan Banking Berhad, MUFG Bank (Malaysia) Berhad, Public Bank Berhad, RHB Bank Berhad และ United Overseas Bank (Malaysia) Berhad
ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยที่ได้รับการแต่งตั้งเพิ่มเติม คือ ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น สาขากรุงเทพฯ และ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) โดยก่อนหน้านี้ได้แต่งตั้งไปแล้ว 7 ธนาคาร คือ ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงศรีอยุธย), ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย , ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์ และ ธนาคารยูโอบี.- สำนักข่าวไทย