ทีดีอาร์ไอแนะ กทม.-รัฐ เปิดโต๊ะเจรจาสายสีเขียวใหม่

กรุงเทพฯ 25 ต.ค.- TDRI แนะ กทม.-รัฐ เปิดเจรจารอบใหม่ สางปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว และใช้เวลาก่อนหมดสัมปทานปี 2572 ปรับโครงสร้างค่าโดยสารทั้งระบบ ขณะที่เผยยอดภาระที่ กทม.ต้องจ่ายค่ารับโอนส่วนต่อขยายสายสีเขียวจาก รฟม. ณ สิ้นเดือน ก.ย. ทะลุกว่า 65,000 ล้านบาท 


นายสุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัยนโยบายด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ ของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เปิดเผยถึงปัญหาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ภายหลังกระทรวงมหาดไทย ได้ขอถอนวาระการพิจารณาต่ออายุสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ออกจากการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยระบุหากพิจารณาอายุสัมปทานที่เหลือในขณะนี้ ในส่วนของรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่จะหมดในปี 2572 และสัญญาว่าจ้างเดินรถ ที่จะหมดในปี 2585 ขณะนี้ก็ถือว่ายังมีเวลาในการดำเนินการเจรจาหาทางออก 

ที่ผ่านมา ประเด็นเรื่องนี้ กทม. ซึ่งเห็นว่ามีทางออกเพียงทางเดียว คือ การดำเนินการเจรจาต่อสัมปทาน และไม่สามารถตอบประเด็นคำถามที่กระทรวงคมนาคม ตั้งประเด็นไว้ใน 4 ข้อได้ รวมทั้ง กทม.ยอมรับว่า ไม่มีเงินที่จะไปชำระภาระทางการเงินที่ กทม.รับโอนโครงสร้างส่วนต่อขยาย จากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งทำให้แนวทางแก้ปัญหาชะงักไป ในส่วนนี้เห็นว่า ท้ายที่สุดต้องดำเนินการเปิดโต๊ะเจรจา ระหว่าง กทม. และรัฐบาล ซึ่งต้องไปดูว่า จะต้องมีการรื้อ MOU ที่เคยลงนามไว้ ระหว่าง กทม. และ รฟม. หรือไม่


อีกส่วนหนึ่ง ทีดีอาร์ไอ เห็นว่า ควรใช้โอกาสนี้เร่งแก้ปัญหาโครงสร้างราคาค่ารถไฟฟ้าทั้งระบบ ให้จบก่อนสัญญาสัมปทานจะหมดลง ที่ผ่านมา กทม.เคยวางแนวคิดจะมีการแยกเก็บค่าโดยสาร ออกเป็น 3 โครงการ ซึ่งก็พบแล้วว่า ทำให้ราคาค่าโดยสารแพงขึ้นอย่างมาก ซึ่งจะส่งผลไม่จูงใจให้คนมาใช้บริการระบบ 

“ยกตัวอย่าง อัตราที่ระบุมาว่า จากสถานีสะพานใหม่ ไปสมุทรปราการ จัดเก็บค่าโดยสาร 104 บาท โดยอ้างว่า มีประชาชนนั่งรถไฟฟ้าในระยะยาว ตั้งแต่ต้นถึงปลายทางน้อยมาก เมื่อเห็นว่ามีคนใช้น้อย แต่กลับไปคิดค่าโดยสารแพงอีก ก็ยิ่งไม่มีคนใช้ ทำไมไม่ทำให้ราคาถูก และมีคนเข้ามาใช้บริการมากขึ้น” นายสุเมธ กล่าว 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับภาระทางการเงินที่ กทม.ต้องดำเนินการ ตามที่ได้มีการรับโอนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย (ยอดเงินถึง 30 ก.ย.64) ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ 1) ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ประกอบด้วย หนี้เงินกู้ค่าก่อสร้างงานโยธา (กู้จากกระทรวงการคลัง) วงเงิน 37,124,475,428 บาท เงินงบประมาณ (ใช้ดำเนินการเวนคืนจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน) วงเงิน 7,216,333,199 บาท 2) ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ประกอบด้วย หนี้เงินกู้ฯ วงเงิน 19,824,304,936 บาท และเงินงบประมาณอีก วงเงิน 1,142,856,152 บาท. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง