กกต. 13 ต.ค.- เลขาฯ กกต. เผยพร้อมนำคณะหารือ “วิษณุ” พรุ่งนี้ เสนอแก้ 35 มาตรา พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. ทั้งบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ วิธีคำนวณ ส.ส. แบ่งเขตใหม่ ลดเวลาลงคะแนน
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เตรียมเชิญหารือเกี่ยวกับการยกร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ว่า ช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ (14 ต.ค.) ว่า จะเดินทางเข้าหารือกับนายวิษณุ เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ที่ทำเนียบรัฐบาล เบื้องต้นคงจะเป็นการพูดคุยหารือว่าถ้าจะยกร่างกฎหมายดังกล่าวจะเป็นลักษณะอย่างไร เพราะกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 131 (1) กำหนดให้องค์กรอิสระเสนอแนะคณะรัฐมนตรีได้ เบื้องต้นขณะนี้สำนักงาน กกต.ได้เตรียมศึกษารายละเอียดไว้บ้างแล้ว เพื่อให้สอดคล้องกับเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับใหม่ ซึ่งตามขั้นตอนการเสนอยกร่างก่อนที่สำนักงานจะเสนอ ครม.ต้องเสนอให้ กกต.พิจารณาก่อน เพราะอำนาจอยู่ที่ กกต. ดังนั้นขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้ก่อนที่เสนอต้องไปปรึกษาหารือกับนายวิษณุว่า หากจะทำแบบนี้ต้องเสนอไปเมื่อใด เพราะนอกจากการยกร่างกฎหมายแล้ว ยังต้องมีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 77 กำหนดไว้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานทาง กกต.จะได้มีการนำเสนอร่างแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ทางสำนักงานได้มีศึกษาและยกร่างขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 60 ที่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา เบื้องต้นร่างแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะเสนอมี 35 มาตรา เป็นการแก้ไขเกี่ยวกับการให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จำนวน ส.ส.เขต 400 คนและส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่จะให้นำคะแนนที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับเลือกตั้งทั้งประเทศมารวมกันหารด้วย 100 เพื่อให้ได้คะแนนต่อ ส.ส. 1 คน และหากจัดสรรแล้วยังได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ครบ 100 คน ก็จะจัดสรรให้พรรคที่เหลือคะแนนเศษมากตามลำดับ การแบ่งเขตใหม่ 400 เขตให้เสร็จใน 90 วัน ส.ส.เขตใช้เบอร์เดียวกับเบอร์พรรค การลดเวลาลงคะแนนเหลือ 16.00 น. เช่นเดิม เพิ่มกรรมการประจำหน่วยจาก 5 คน เป็น 9 คน กำหนดจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งต่อหน่วย 800 คน
นอกจากนี้อาจมีการหารือถึงข้อติดขัดของพรรคการเมืองในการเลือกตั้ง ที่ กกต.ได้รับฟังจากพรรคการเมือง คือ กรณีการทำไพรมารีโหวต เพื่อคัดเลือกและส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง เพราะนับแต่ใช้บังคับ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 60 จนปัจจุบันการจัดตั้งสาขาพรรค การหาสมาชิกพรรค ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในกระบวนการทำไพรมารีโหวต แต่ละพรรคยังเป็นปัญหา สมควรต้องมีการแก้ไข พ.ร.ป.พรรคการเมือง 60 ในเรื่องดังกล่าวด้วยหรือไม่ โดยก่อนหน้านี้นายทะเบียนพรรคการเมืองได้เสนอแนวทางแก้ไขให้ทางสำนักงานไปพิจารณาแก้ไขหลักเกณฑ์ที่กำหนดให้พรรคการเมืองจะส่งผู้สมัครได้ต้องมีสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดในเขตเลือกตั้งนั้นว่า หากแก้ไขเป็นพรรคการเมืองจะส่งผู้สมัครได้ต้องมีสาขาพรรคการเมืองจังหวัดละ 1 แห่ง ประชุมร่วมกับสมาชิก 500 คน สามารถลงคะแนนเลือกผู้สมัครในทุกเขตเลือกตั้งของจังหวัดตามบัญชีที่คณะกรรมการสรรหาส่งมาได้ น่าจะทำให้กระบวนการคัดสรรผู้สมัครของพรรคคล่องตัวขึ้น
และหลัง กกต.หารือกับทางรัฐบาลแล้วก็จะนำประเด็นหารือกลับมาเสนอต่อที่ประชุม กกต. ก่อนทำการยกร่างแก้ไขกฎหมาย และนำไปรับฟังความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 ก่อนเสนอ ครม.และรัฐสภาพิจารณาต่อไป .-สำนักข่าวไทย