นนทบุรี 13 ต.ค.-อธิบดีกรมการค้าภายในย้ำปัญหาน้ำมันขึ้น น้ำท่วมหรือโควิด ไม่ใช่เหตุผลทำให้ราคาสินค้าปรับขึ้น ชี้มีการติดตามและเฝ้าระวังปัญหาเหล่านี้ใกล้ชิดยังไม่กระทบต้นทุน ดังนั้น ขอผู้ผลิตสินค้า ตรึงราคาไม่ให้กระทบค่าครองชีพประชาชน
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมการค้าภายในได้ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพของประชาชนไม่ให้มีการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้า โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน เป็นจำนวนมาก หรือแม้แต่ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นบ้างก็ตาม โดยกรมการค้าภายใน พร้อมด้วยสำนักงาน คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (สขค.) ได้หารือกับผู้ผลิตสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ อาทิ ข้าวสารบรรจุถุง อาหารกระป๋องและอาหารสำเร็จรูป นม น้ำมันพืช เครื่องปรุงรส และน้ำยาซักล้าง ซึ่งผู้ผลิตสินค้ายืนยันว่าสามารถผลิตและกระจายสินค้าได้เป็นปกติ และยังมีมาตรการป้องกันโควิด-19 ที่เข้มงวด ไม่ให้กระทบต่อกำลังการผลิตอีกด้วย
นอกจากนี้ กรมการค้าภายในได้ขอความร่วมมือให้ผู้ผลิตตรึงราคาสินค้าเพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน รวมทั้งได้เน้นย้ำให้ผู้ผลิตรักษากำลังการผลิตและบริหารจัดการสตอกสินค้าเพื่อไม่ให้สินค้าขาดช่วง ตลอดจนขอให้มีแผนสำรองในการกระจายสินค้าไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ซึ่งหากผู้ผลิตรายใดประสบปัญหาด้านการขนส่งสินค้าไปยังพื้นที่จังหวัดที่มีน้ำท่วมสูง กรมการค้าภายในพร้อมที่จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน โดยในส่วนของ สขค. ได้เน้นย้ำให้ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นธรรมและเหมาะสม ซึ่งหากพบการแข่งขันทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมหรือมีการกดราคาที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการให้แจ้งต่อ สขค.
อย่างไรก็ตาม กรมฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่สำรวจราคาและปริมาณสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม พาณิชย์จังหวัดจะได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากตรวจพบว่ามีการจำหน่ายสินค้าในราคาแพงเกินสมควรหรือมีการกักตุน หรือปฏิเสธการจำหน่าย จะมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีที่ไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายจะมีโทษสูงสุดปรับไม่เกิน 10,000 บาท ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการกักตุนสินค้าหรือขายสินค้าโดยไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ.-สำนักข่าวไทย