กรุงเทพฯ 7 ก.พ. – กกพ.หารือสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ถึงแนวทางปฏิบัติการใช้ที่ดินของโรงไฟฟ้าพลังงานลม 1,000 เมกะวัตต์ โดยรอชี้ขาดสัปดาห์หน้า ล่าสุด กกพ.ชะลอการอนุมัติใบอนุญาต 700 เมกะวัตต์
หลังจากศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเพิกถอนใบอนุญาตการเช่าที่ดิน ส.ป.ก. เพื่อผลิตไฟฟ้าพลังงานลมของบริษัท เทพสถิตวินด์ฟาร์มในจังหวัดชัยภูมินั้น เนื่องจากเป็นการใช้พื้นที่ผิดวัตถุประสงค์หลักของการปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่า ทาง กกพ.ได้หารือกับ ส.ป.ก.ว่า โรงไฟฟ้าพลังงานลมทั้งหมดจะใช้พื้นที่ ส.ป.ก.ได้หรือไม่ โดยประเด็นสำคัญที่มีการพูดถึง คือ ที่ดิน ส.ป.ก.มีวัตุประสงค์เพื่อการเกษตร ซึ่งจะได้รับคำตอบที่ชัดเจนจาก ส.ป.ก.ในสัปดาห์หน้า โดยปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าพลังงานลมทั้งเตรียมก่อสร้างและก่อสร้างแล้วในพื้นที่ ส.ป.ก.รวม 1,000 เมกะวัตต์ มี 4 โครงการผลิตไฟฟ้าแล้ว 354 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 700 เมกะวัตต์ รวม 11 โครงการ ทาง กกพ.ได้ชะลอการออกใบอนุญาตประกอบกิจการให้ผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมไปก่อน
“ขณะนี้ต้องรอคำตัดสินจาก ส.ป.ก.ว่าพลังงานลมในที่ดิน ส.ป.ก.จะเข้าข่ายถูกเพิกถอนใบอนุญาตหรือไม่ หากทุกรายต้องยุติกิจการจะก่อให้เกิดมูลค่าความเสียหาย 84,000-94,000 ล้านบาท แต่จะไม่กระทบต่อสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือพีดีพี 2015 เพราะขณะนี้มีการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนแล้วกว่า 9,000 เมกะวัตต์ ทั้งที่กำหนดสัดส่วนรับซื้อไว้เพียง 16,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2579 หรือในอีก 20 ปีข้างหน้า” นายวีระพล กล่าว
ทั้งนี้ ในปัจจุบันตามแผนพีดีพี 2015 ภายในปี 2579 จะมีไฟฟ้าพลังงานลม 3,000 เมกะวัตต์ โดยมีโครงการเสนอผลิตมาแล้วรวม 1,500 เมกะวัตต์ โดยอยู่ในพื้นที่ ส.ป.ก.ประมาณ 1,000 เมกะวัตต์ โดยมี 4 ราย ผลิตไฟฟ้าแล้วรวม 354 เมกะวัตต์ ได้แก่ 1. บริษัท เค.อาร์.ทู จำกัด ขนาด 103.5 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา 2.บริษัท ชัยภูมิ วินด์ฟาร์ม จำกัด (โครงการชัยภูมิวินด์ฟาร์ม) ขนาด 80 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ อ.กิ่งอำเภอซับใหญ่ จ.ชัยภูมิ 3.บริษัท วะตะแบก วินด์ จำกัด ขนาด 60 เมกะวัตต์ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ และ 4.บริษัท เทพพนา วินด์ฟาร์ม (วะตะแบก 2) ขนาด 6.9 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ.-สำนักข่าวไทย