ภูมิภาค 13 ก.ย – เขื่อนลำพระเพลิง จ.นครราชสีมา ต้องเพิ่มการระบายน้ำ เพื่อรับมือฝนที่จะตกลงมาเพิ่ม ส่วนเมืองเพชรบูรณ์ เตรียมรับมวลน้ำก้อนใหญ่จาก อ.หล่มสัก ค่ำวันนี้
สถานการณ์น้ำในเขื่อนลำพระเพลิง 1 ใน 5 เขื่อนหลักของ จ.นครราชสีมา มีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 131.9 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 85% ของความจุ 155 ล้านลูกบาศก์เมตร มีน้ำไหลลงเขื่อน 1.9 ล้านลูกบาศก์เมตร เจ้าหน้าที่ต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำลงท้ายเขื่อนเป็น 4.5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน จากเดิม 3.6 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ทำให้มีมวลน้ำปริมาณมากไหลผ่านประตูระบายน้ำ ลงสู่คลองชลประทานด้านท้ายเขื่อน มุ่งหน้าสู่ อ.ปักธงชัย และ อ.โชคชัย จากการสำรวจพบว่าระดับน้ำในคลองเต็มเริ่มขอบตลิ่งแล้ว
ด้านศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.นครราชสีมา ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำท้ายเขื่อนลำพระเพลิงอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสภาพเขื่อนลำพระเพลิง มีความอ่อนไหว หากมีพายุฝนตกหนักต่อเนื่องมักจะมีมวลน้ำมหาศาลจากเขาใหญ่ และเขต อ.วังน้ำเขียว ไหลลงเขื่อน ทำให้น้ำเต็มเขื่อนอย่างรวดเร็ว จึงวางแผนเร่งระบายน้ำออกให้ได้มากที่สุด เพื่อเตรียมรับมือกับฝนที่จะตกลงมาเพิ่ม
เมืองเพชรบูรณ์เตรียมรับมวลน้ำก้อนใหญ่จากหล่มสักค่ำนี้
น้ำจากแม่น้ำป่าสักที่เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมหลายชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก และเทศบาลตำบลตาลเดี่ยว อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ จะลดระดับลงจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติ หลังฝนหยุดตก และไม่มีน้ำเหนือไหลมาสมทบ วันนี้ประชาชนเริ่มออกมาทำความสะอาดบ้านเรือนและอาคารร้านค้า ที่จมน้ำมานานเกือบ 3 วัน
ขณะเดียวกันมวลน้ำก้อนใหญ่ที่ไหลมาจากเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก ได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่หลายหมู่บ้าน ในตำบลทางตอนล่างของ อ.หล่มสัก ชาวบ้านต้องนำกระสอบทรายมาทำแนวกั้นที่ริมแม่น้ำป่าสัก ป้องกันการเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนและนาข้าวที่กำลังออกรวง ก่อนจะไหลเข้าสู่ อ.เมืองเพชรบูรณ์ ซึ่งคาดว่าจะไหลมาถึงในช่วงค่ำวันนี้
ด้านป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเพชรบูรณ์ รายงานว่ามีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมรวม 2 อำเภอ คือ อ.หล่มเก่า และ อ.หล่มสัก ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,406 หลังคาเรือน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย โดยพื้นที่ อ.หล่มสัก ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักยังคงสูง แต่มีแนวโน้มลดลง คาดว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติไม่เกิน 3 วัน ทั้งนี้ ยังคงต้องเฝ้าติดตามภาวะฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุโกนเซิน
น้ำเหนือทำแม่น้ำยมในพื้นที่ อ.บางระกำ เพิ่มสูงขึ้น
ที่ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ซึ่งมีแม่น้ำยมไหลผ่าน วันนี้ระดับน้ำสูงขึ้นมาก เนื่องจากน้ำเหนือจาก จ.แพร่ และสุโขทัย เริ่มไหลเข้าแม่น้ำยมสายเก่าและสายใหม่ ทำให้ระดับน้ำสูงขึ้น โดยสถานีจุดวัดระดับน้ำที่ Y-16 พบว่าระดับน้ำแม่น้ำยมสูงถึง 7.47 เมตร สูงกว่าระดับตลิ่ง 7.30 เมตร ทำให้จุดที่ลุ่มต่ำบางแห่งมีน้ำเอ่อเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรแล้ว ส่วนจุดวัดที่ Y-64 ระดับน้ำสูง 4.30 เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 2 เมตร เพราะจุดนี้สูง 6.40 เมตร ประชาชนยังคงใช้วิถีชีวิตตามปกติ ใช้เรือหางยาวเป็นพาหนะและทำการประมง แต่พบว่าซุ้มร้านอาหารริมตลิ่งแม่น้ำยมบางร้านถูกน้ำท่วมเสียหาย เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังระดับน้ำในจุดเสี่ยงอย่างใกล้ชิด โดยการมอนิเตอร์กล้องวงจรปิด CCTV ของกรมชลประทาน
ส่วนน้ำจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ที่หลากลงสู่ลำน้ำเข็ก อ.วังทอง เมื่อ 3 วันก่อน ซึ่งส่งผลให้ลำน้ำเข็ก ต้นน้ำแม่น้ำวังทอง สูงขึ้นบางช่วงที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน เช่น ในพื้นที่ อ.บางกระทุ่ม ล่าสุดเช้าวันนี้แม่น้ำวังทอง ระดับน้ำลดลงกว่า 1 เมตร ขณะที่พื้นที่ลุ่มต่ำบางจุด ซึ่งเป็นทุ่งนาที่ยังมีน้ำท่วมขัง เช่น บ้านบึงพร้าว หมู่ 3 ต.ชัยนาม อ.วังทอง รวมกว่า 500 ไร่ มีชาวบ้านนำอุปกรณ์ไปจับปลาเป็นอาหาร
เขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเหนือ-ท้ายเขื่อนเพิ่ม
ส่วนแม่น้ำเจ้าพระยา ยังมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำ C2 จ.นครสวรรค์ วันนี้ มีปริมาณ 1,827 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 669 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ อ.เมืองชัยนาท จ.ชัยนาท น้ำสูงขึ้น 31 เซนติเมตร อยู่ที่ระดับ 15.90 เมตร (ระดับน้ำทะเลปานกลาง) กรมชลประทานได้บริหารจัดการน้ำโดยการผันน้ำเข้าระบบชลประทานฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก ด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา มีปริมาณรวมกัน 393 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 10 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) และระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เพิ่มขึ้นจากเมื่อวานอีก 349 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (จาก 850 เป็น 1,199 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) ส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ที่ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท น้ำสูงขึ้น 1 เมตร 36 เซนติเมตร อยู่ที่ระดับ 11.64 เมตร (ระดับน้ำทะเลปานกลาง)
โดยปริมาณน้ำระบายท้ายเขื่อนดังกล่าวยังไม่ส่งผลกระทบกับพื้นที่ริมตลิ่งใน จ.ชัยนาท แต่จะส่งกระทบกับพื้นที่ริมตลิ่งบางพื้นที่ใน จ.พระนครศรีอยุธยา
ทั้งนี้ กรมชลประทา มีเกณฑ์ที่จะระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ในอัตรา 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบัน บริเวณ ต.บ้านกระทุ่ม ต.หัวเวียง อ.เสนา และ ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา จะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 1.50 เมตร ในช่วงวันที่ 13-16 กันยายนนี้ จึงขอให้ประชาชนเตรียมรับสถานการณ์และเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด.-สำนักข่าวไทย