9 ก.ย.64-กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจสถานออกกำลังกาย ฟิตเนส ทั้งเจ้าของกิจการ เเละผู้ฝึกสอนการออกกำลังกาย นำโดย นายธันย์ปวัฒน์ เตขภูวดลวิทิต ผู้จัดการทีมเพาะกายทีมชาติไทย พร้อมด้วย เหล่าเทรนเนอร์ เจ้าหน้าที่ ได้ไปยื่นหนังสือ ขอผ่อนคลายการเปิดกิจการเเละการขอความข่วยเหลือจากภาครัฐรวมถึงมาตราการการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในสถานบริการการออกกำลังกาย ให้กับ ทาง นาย บุญลือ ประเสริฐโสภา ประธานคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา
เนื่องจากทาง กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจสถานออกกำลังกาย ฟิตเนสเดือดร้อนจากคำสั่งปิดสถานที่ออกกำลังกาย ฟิตเนส ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องมาขอความช่วยเหลือจากทางคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร
นาย บุญลือ ประเสริฐโสภา กล่าวว่า หลังจากรับเรื่องจากทางกลุ่มฟิตเนส ทางเราจะพยายามช่วยเหลือเพราะเข้าใจว่าทุกคนเดือดร้อนและได้รับผลกระทบจากการที่ยังไม่ปลดล็อก เพราะอยู่ในพื้นที่สีแดง เราจะพยายามทำทุกช่องทางให้ทุกคนได้เปิดธุรกิจอย่างรวดเร็วที่สุด
นายธันย์ปวัฒน์ เตขภูวดลวิทิต เปิดเผยว่า ทางนายบุญลือ ประเสริฐโสภา ได้ให้คำเเนะนำเเละพร้อมรับฟังข้อเสนอเเนะต่างๆ เเละได้มีคำสั่งให้ทางคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร รับเรื่องนี้ไว้เพื่อพิจารณาเรื่องนี้ ในการประชุมกรรมาธิการกึฬา ในวันพุธที่ 15 ก.ย. เวลา 14.00 น อีกครั้ง เพื่อหาทางออกเเละเป็นการช่วยเหลือ กลุ่มผู้ประกอบการสถานออกกำลังกายเเละผู้ฝึกสอนการออกกำลังกาย เพื่อเป็นการเยียวยา เเละผลักดันให้กลุ่มผู้ประกอบการกลับมาดำเนินกิจการได้อีกครั้ง
“เราจะพยายามหามาตรการป้องกันโควิด-19 ในกิจการของเรา เพื่อให้สามารถดำเนินการเปิดกิจการให้ได้เร็วที่สุดเหมือนกับกิจการอื่นๆ เราอยากจะให้ทางภาครัฐบาลมาช่วยเหลือเรื่องเงินทุนที่ทำให้เราสามารถดำเนินกิจการได้ เราอยากเสนอภาครัฐบาลในเรื่องการผลักดันในเรื่องการชักชวนให้คนมาสมัครสมาชิกออกกำลังกายและสามารถนำใบเสร็จไปลดหย่อนภาษีได้”
“ถ้าสามารถเปิดกิจการได้ รายได้ของเราน่าจะไม่กลับมาเต็มที่ เราคงมีรายได้แค่ 50 เปอร์เซ็นต์ แต่รายจ่ายของเราเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ อีกทางก็คือ ผู้ฝึกสอนการออกกำลังกาย ที่ต้องตกงาน อยากให้ทางภาครัฐบาลช่วยเหลือ หาโครงการที่ทำให้คนเหล่านี้ ได้มีรายได้มีงานทำ ทุกวันนี้ ผมคิดว่าโควิด-19 ไม่มีทางหายไปจากประเทศเรา เพียงแต่เราจะใช้ชีวิตอยู่กันได้อย่างไร ขอแค่ว่า อย่ามองข้ามให้พวกเราได้มีตัวตนเหมือนกับกิจการอื่นๆ”