เสี่ยงน้ำท่วมซ้ำรอยปี 54?

7 ก.ย. – แม้ช่วงนี้ฝนจะตกอย่างต่อเนื่อง และมีกระแสข่าวว่าปริมาณน้ำเหนือเขื่อนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขื่อนหลักต้องเร่งระบายน้ำ แต่ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ ประเมินว่าสถานการณ์น้ำภาพรวมปีนี้จะไม่วิกฤติเหมือนน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 และพื้นที่ใดเป็นพื้นที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษ หรือจะได้รับผลกระทบบ้าง ติดตามจากรายงาน


ฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยามีระดับสูงขึ้น กรมชลประทานต้องผันน้ำเข้าคลองชลประทาน และระบายน้ำท้ายเขื่อน พร้อมแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยริมน้ำเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งหลายคนจับตาสถานการณ์น้ำปีนี้ จะซ้ำรอย ปี 54 หรือไม่?

รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ ม.รังสิต ประเมินสถานการณ์ภาพรวมว่า ปริมาณฝนตกสะสม 6 เดือนในปีนี้ แม้จะผ่านมาแล้ว 4 เดือน ยังคงน้อยกว่าปี 54 โอกาสที่ปริมาณฝนจะแตะ 1400 มิลลิเมตร ค่อนข้างยาก ความเสี่ยงที่น้ำจะท่วมใหญ่ซ้ำรอยปี 54 มีน้อยกว่า 10% แต่อย่าประมาท เพราะขึ้นอยู่กับพายุและร่องมรสุมด้วย พื้นที่ภาคกลางโดยเฉพาะอยุธยา ชุมชนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำ จะเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมคล้ายปี 45 เพราะเป็นพื้นที่รับน้ำหลายสาย ส่วน จ.ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพฯ จะเป็นน้ำท่วมรอการระบายเท่านั้น ไม่ใช่น้ำท่วมใหญ่


แม้ว่าขณะนี้น้ำกำลังไหลลงสู่เจ้าพระยา แต่ก็เป็นน้ำท้ายเขื่อน ซึ่งจะทำให้น้ำท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำเท่านั้น ยกเว้นกรณีการเกิดล่องมรสุมพาดผ่านเหนือเขื่อน ทำให้เขื่อนเต็ม แต่ขณะนี้เขื่อนยังคงรับน้ำได้อีกจำนวนมาก แม้จะเกิดน้ำท่วมแต่ไม่กระทบภาคเศรษฐกิจเสียหายแบบปี 54

รศ.ดร.เสรี ยังให้ข้อมูลอีกว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป พื้นที่ที่น่าจับตามากที่สุดและต้องระวังเป็นพิเศษ คือ ภาคใต้ มีความเสี่ยงสูงที่จะเผชิญน้ำท่วมใหญ่ อย่าง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และจ.นครศรีธรรมราช ที่จะต้องเตรียมรับมือ ส่วนพื้นที่ภาคอีสาน จ.นครราชสีมา เป็นพื้นที่เป้าหมายเสี่ยงที่อาจจะเกิดน้ำท่วมใหญ่เช่นกัน

รศ.ดร.เสรี ยังแนะอีกว่า เหลืออีก 1 เดือน ที่จะต้องรับมือกับปัญหาน้ำท่วม ซึ่งการบริหารจัดการน้ำและความเสี่ยงเป็นเรื่องสำคัญที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำความเข้าใจกับประชาชน และเตรียมระบบเตือนภัยให้พร้อม ยิ่งช่วงนี้เกิดสถานการณ์โควิด-19 อาจเป็นภัยพิบัติซ้ำซ้อนได้


อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นการคาดการณ์ว่าน้ำท่วมปีนี้จะไม่ซ้ำรอยปี 54 แต่ประชาชนยังคงหวั่น เพราะมหาอุทกภัยในครั้งนั้น กลายเป็นภาพจำให้ประชาชนหวาดกลัวในวันนี้ หากยังไม่สามารถอุดรอยรั่ว หรือเตรียมรับมือป้องกันไว้อย่างดี ประชาชนอาจจะต้องก้มหน้าเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมใหญ่อีกครั้ง หากสถานการณ์เกิดขึ้นจริง. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นร.หญิง ม.1 จมทะเลดับ หลังโรงเรียนพาไปทัศนศึกษาที่ระยอง

โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา พานักเรียนไปทัศนศึกษาที่ จ.ระยอง นักเรียนหญิง ม.1 ถูกคลื่นดูดลงทะเลขณะเล่นน้ำ เสียชีวิต พ่อแม่สุดเศร้าสูญเสียลูกสาวคนเดียวของครอบครัว

น้ำท่วมเชียงใหม่

เชียงใหม่จมบาดาล น้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์

น้ำท่วมในตัวเมืองเชียงใหม่ ยังวิกฤติ หลังน้ำในลำน้ำปิงขึ้นสูงสุดทรงตัวสูงกว่า 5.30 เมตร ซึ่งสูงที่สุดตั้งแต่มีการวัดระดับน้ำปิง

น้ำท่วมขนส่งเชียงใหม่กระทบผู้โดยสาร เปิดจุดจอดรับ-ส่งชั่วคราว

น้ำขยายวงกว้างเข้าท่วมสถานีขนส่งเชียงใหม่แห่งที่ 2 และ 3 เต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงเกือบ 50 ซม. ผู้ประกอบการขนส่งต้องนำรถทัวร์โดยสารออกมาจอดรับ-ส่งบนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ยืนยันผู้ประกอบการยังให้บริการตามปกติ

ระทึก! แท็กซี่พลิกคว่ำเกิดเพลิงไหม้ 5 ชีวิตรอดหวุดหวิด

รถแท็กซี่พลิกคว่ำและเกิดเพลิงลุกไหม้กลางถนนพระราม 9 ผู้โดยสารหญิงสติดีถีบประตูช่วยตัวเองและคนอื่นออกมาจากตัวรถรวม 5 ชีวิตได้ทัน แต่ในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 1 คน เป็นคนขับแท็กซี่ ตำรวจเร่งสอบสวนหาสาเหตุ

ข่าวแนะนำ

เขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายน้ำ

น้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาขึ้นไม่หยุด ล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือน ต.ธรรมามูล อ.เมืองชัยนาท ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายแบบขั้นบันไดต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. น้ำระบายท้ายเขื่อนที่ 2,200 ลบ.ม./วินาที

เร่งอพยพชาวบ้านหลายร้อยครอบครัว น้ำปิงยังสูง

แม้ระดับน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ เริ่มลดลง หลังขึ้นสูงสุดถึง 5.30 เมตร แต่หลายชุมชนและย่านการค้ายังมีน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะพื้นที่ตอนใต้ของเมือง น้ำยังเพิ่มสูง หลายร้อยครอบครัวต้องอพยพด่วน

อิสราเอลโจมตีทางอากาศมัสยิด-โรงเรียนในกาซา ดับแล้ว 24

สำนักงานสื่อมวลชนของรัฐบาลกาซาที่กลุ่มฮามาสเป็นผู้ดำเนินการ กล่าวว่า อิสราเอลโจมตีทางอากาศโดยมีเป้าหมายเป็นมัสยิดและโรงเรียน ซึ่งเป็นสถานที่พักพิงของผู้พลัดถิ่นฐานในฉนวนกาซา เมื่อตอนเช้าวันอาทิตย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 24 ราย และบาดเจ็บอีก 93 ราย