กรุงเทพฯ 2 ก.ย. – โฆษกรัฐบาลเผยนายกรัฐมนตรีเน้นชี้แจงในสภาด้วยข้อเท็จจริง ไทยใช้นโยบายการคลังในการแก้ไขปัญหาโควิด-19 สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก ขณะที่คนไทย 42.3 ล้านคนได้ประโยชน์จากมาตรการของรัฐ
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภาพรวมการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา 2 วันที่ผ่านมา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เน้นชี้แจงการบริหารจัดการโควิด-19 ซึ่งเป็นวิกฤตระดับโลกยืนยันว่าระบบสาธารณสุขไทยไม่ล้มเหลว รัฐบาลและ ศบค. วางมาตรการโควิด-19 สอดคล้องกับสถานการณ์และตามขั้นตอน สำหรับการจัดหาวัคซีนนั้น รัฐบาลได้มีการเตรียมการตั้งแต่ต้นปี 2563 ส่วนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ รัฐบาลใช้นโยบายการเงินการคลังขนาดใหญ่ เพื่อเยียวยาและรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ธนาคารโลก (World bank) รายงานเทียบกับประเทศอื่น ไทยมีการขยายมาตรการให้ความช่วยเหลือทางสังคมแบบก้าวกระโดด จาก 0.8% ของ GDP ในปี 2562 เป็น 3.2% ของ GDP ในปี 2563 การเงินระหว่างประเทศ (IMF) รายงานเทียบกับกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ (Emerging Economy) ไทยใช้นโยบายการคลังเพื่อแก้ไขปัญหาโควิด-19 ประมาณ 11.4% ของ GDP สูงเป็นอันดับ 2 รองจากชิลี ซึ่งมีการประเมินว่า จะมีเม็ดเงินเพิ่มเข้ามา 8.5 แสนล้านบาทโดยประมาณหรือกว่า 1 ใน 4 ของงบรายจ่ายประจำปี หรือร้อยละ 5 ของ GDP สู่มือประชาชนกว่า 42.3 ล้านคนโดยตรง ถือเป็นนายกรัฐมนตรีที่ช่วยคนไทยมากที่สุดรวมทั้งยังประกาศอย่างชัดเจนว่า ไม่ยอมให้มีการทุจริตคอรัปชั่นในรัฐบาลชุดนี้ด้วย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังได้ชี้แจงว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะประธาน ก.ต.ร. อาศัยอำนาจบริหารขับเคลื่อนการปฏิรูปตำรวจมาโดยตลอดทั้งจัดสรรอัตรากำลัง งบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ ซึ่งผลการปฏิบัติตำรวจที่ดำเนินการสำเร็จแล้ว เช่น ปฏิรูปการบริการประชาชน ด้วยการนำระบบเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพการคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินประชาชน การป้องกันปราบปราม สืบสวนสอบสวนคดีที่เกิดขึ้น ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ปฏิรูปการบริหารองค์กรตำรวจ จัดเส้นทางการเจริญเติบโตและสร้างความชำนาญงานในสถานีตำรวจ เพิ่มพนักงานสอบสวน จำนวน 1,300 นาย และผู้ช่วยพนักงานสอบสวน 3,500 นาย เพื่อให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจให้บริการประชาชนอย่างมีเพียงพอ รวมทั้งสวัสดิการตำรวจ สำหรับการปฏิรูปโดยแก้ไขกฎหมาย อยู่ระหว่างกระบวนการในรัฐสภา ต้องใช้เวลาเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย และการดำเนินการต่อไปคือ การจัดทำปรับปรุงระเบียบข้อบังคับตามร่าง พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งพัฒนาบุคลากร สร้างความเข้มแข็งให้ระบบคุณธรรม จริยธรรม ยืนยันที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ละเลยในการแก้ไขปัญหาและการปฏิรูปตำรวจ นายกรัฐมนตรียังประกาศอย่างชัดเจนว่า ไม่ยอมให้มีการทุจริตคอรัปชั่นในรัฐบาลชุดรวมทั้งจะไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ที่ประพฤตชั่วได้เติบโตในระบบราชการด้วย
“ตลอด 2 วันของการอภิปรายที่ผ่าน นายกรัฐมนตรีเข้าใจและให้เกียรติการทำหน้าที่ของส.ส. ในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล โดยเข้าร่วมรับฟังและยืนขึ้นเพื่อชี้แจ้งข้อเท็จเป็นระยะ และมั่นใจว่า สามารถตอบคำถามได้ทุกเรื่องเพราะถึงขณะนี้ฝ่ายค้านยังไม่มีข้อมูลอะไรใหม่” นายธนกรกล่าว. – สำนักข่าวไทย