กทม. 26 ส.ค. – อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยรายได้ “ผู้กำกับโจ้” ในการนำส่งรถผิดหมายมากถึง 368 คัน ก่อนถูกขายทอดตลาดได้กว่า 1,000 ล้าน คาด “ผู้กำกับโจ้” น่าจะได้เงินสินบนมากกว่า 300 ล้านบาท
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร ให้สัมภาษณ์กรณีกรมศุลกากรเข้าตรวจสอบกรณี “ผู้กำกับโจ้” นำส่งรถยนต์ผิดกฎหมายนำส่งให้กรมศุลกากรดำเนินคดีและขายทอดตลาดว่า ในภาพรวมตั้งแต่ปี 2554-2560 “ผู้กำกับโจ้” ได้ส่งสำนวนคดีและส่งรถผิดกฎหมายศุลกากรได้มากถึง 368 คัน ซึ่งรถที่นำส่งมีหลายประเภทและหลายรูปแบบ
จากการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า กรมศุลกากรได้ดำเนินคดีจนสิ้นสุด และนำมาขายทอดตลาดรวมทั้งสิ้น 363 คัน ได้เงินทั้งหมดกว่า 1,000 ล้านบาท (ราคาเริ่มประมูลรวมทุกคันอยู่ที่ราวๆ 500 ล้านบาท) ซึ่งเงินรายได้จากการประมูลรถทั้งหมดนั้น “ผู้กำกับโจ้” จะได้ค่าสินบนนำจับ 30% เพราะเป็นเจ้าของสำนวนคดี และเงินรางวัลอีก 25% ตามสัดส่วนในระเบียบกรมศุลกากร
อธิบดีกรมศุลกากร ระบุว่า ขณะนี้กรมศุลกากรอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว เพื่อเตรียมส่งมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
สำหรับกรณีของ “ผู้กำกับโจ้” มีการก่อเหตุส่วนใหญ่ในช่วงปี 2554-2560 ซึ่งในขณะนั้นระเบียบกรมศุลกากรได้จ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลรวมทั้งหมด 55% จากเงินค่าขายทอดตลาดหรือประมูลของกลาง โดยไม่ได้กำหนดเพดาน แต่หลังจากนั้นในปี 2560 ได้ปรับแก้กฎหมายและระเบียบใหม่ โดยจ่ายค่าสินบน 20% และเงินรางวัล 20% รวมถึงกำหนดเพดานจ่ายไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อสำนวน
จากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า ในช่วงปี 2549 – 2558 กรมศุลกากรได้รายได้จากการขายทอดตลาดหรือประมูลของกลางทุกประเภท เป็นเงินรวมกัน 31,432 ล้านบาท จ่ายค่าสินบนนำจับ 3,939 ล้านบาท จ่ายค่าเงินรางวัล 4,576 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 8,514 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกราว 22,918 ล้านบาทได้นำส่งคลังเป็นเงินแผ่นดิน. – สำนักข่าวไทย