19 พ.ย. – ศาลอาญาคดีทุจริตฯ นัดสอบคำให้การ อดีต ผกก.โจ้ และพวก ด้านทนายความเผยญาติจ่อประกันตัวอดีต ผกก.โจ้ เตรียมหลักทรัพย์นับล้าน
เช้าวันนี้ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมพวกรวม 7 คน ซึ่งเป็นจำเลยสำคัญในคดีฆ่าผู้อื่นโดยทรมานด้วยความทารุณโหดร้าย กรณีร่วมกับพวกใช้ถุงดำคลุมศีรษะนายจิระพงษ์ หรือมาวิน ธนะพัฒน์ ผู้ต้องหาคดียาเสพติด ถึงแก่ความตาย ถูกเบิกตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มาที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อสอบคำให้การหลังพนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3 ได้ยื่นฟ้อง ผกก.โจ้ กับพวกรวม 7 คน ต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ เป็นคดีดำที่ อท.180/2564 เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา
นายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความของ ผกก.โจ้ เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นคำฟ้องฉบับเต็ม ต้องไปนำคำฟ้องซึ่งศาลจะให้กับจำเลยทุกคนมาศึกษาว่าอัยการโจทก์ฟ้องมีข้อหาอะไรบ้าง พฤติการณ์แห่งคดีเป็นอย่างไร โดยศาลจะอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟัง แล้วสอบถามว่าจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ ซึ่งในชั้นสอบสวนจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธทุกข้อหา
ส่วนเรื่องการประกันตัว ผกก.โจ้ ขณะนี้กำลังปรึกษากับทางญาติ ซึ่งอาจจะยื่นขอประกันตัว โดยเตรียมหลักทรัพย์มูลค่ากว่าล้านบาทไว้เป็นหลักประกัน รวมทั้ง ผกก.โจ้ ก็จะเขียนคำร้องชี้แจงแสดงเหตุผลประกอบให้ศาลพิจารณาเพื่อมีคำสั่ง ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ส่วนจำเลยคนอื่นๆ ยังไม่ทราบว่าจะยื่นขอประกันตัวหรือไม่ ขณะที่ตนก็ได้ปรึกษาหารือกับทนายความของจำเลยอื่นเกี่ยวกับรายละเอียดข้อเท็จจริง และรูปคดีมาโดยตลอด
ล่าสุด ผู้พิพากษาขึ้นนั่งบัลลังก์ได้แจ้งสิทธิต่อจำเลย และสั่งให้มีเพียงทนายความและตัวจำเลย อัยการโจทก์ และเจ้าหน้าของกรมราชทัณฑ์อยู่ภายในห้องเท่านั้น โดยอนุญาตให้สื่อมวลชนติดตามการพิจารณาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากการสังเกตพบว่าจำเลยทั้ง 7 คน มีสีหน้าท่าทางปกติ ส่วนแม่ของอดีตผู้กำกับโจ้ ที่มารอฟังการพิจารณาคดีอยู่อีกห้องหนึ่ง มีสีหน้าเคร่งเครียด ส่วนพ่อและแม่ของนายมาวิน ผู้ตาย ได้แต่งตั้งทนายความร่วมเป็นโจทก์ในคดีนี้ด้วย
ทั้งนี้ ก่อนที่จะอ่านคำฟ้องให้จำเลยทั้ง 7 ฟัง พ.ต.อ ธิติสรรค์ จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา157 และมาตรา 172 และรับสารภาพในฐานร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น แต่ปฏิเสธตามข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยการกระทำอันโหดร้าย ตามมาตรา 289 โดยแถลงต่อศาลว่า ตนเองและลูกน้องไม่มีเจตนาฆ่าผู้ตาย แต่ต้องการต้องการขยายผลการจับกุมยาเสพติดที่เป็นต้นเหตุของปัญหาสังคม ยืนยันมีความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อนประโยชน์ของประเทศ ไม่มีเจตนากระทำการทุจริตใดๆ ต่อหน้าที่ หรือเรียกรับผลเงินจากผู้ตายจึงขอความเมตตาต่อศาล
ส่วนจำเลยที่เหลือต่างให้การรับและปฏิเสธข้อหาแตกต่างกันไป โดยทุกคนต่างอ้างว่ากระทำการไปตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา และไม่มีเจตนาที่จะประสงค์ต่อชีวิตของผู้ตาย ขณะนี้ศาลอยู่ระหว่างนัดวันตรวจพยานหลักฐานและกำหนด วันนัดสืบพยาน . – สำนักข่าวไทย