กทม. 16 ส.ค.-บช.น. แถลงสรุปภาพรวมม็อบ 15 ส.ค. พร้อมขอโทษชาวบ้านได้รับผลกระทบ ยัน ตร.ทำเพื่อควบคุมสถานการณ์-ไม่มีเจตนาสร้างความเดือดร้อน เตือนม็อบวันนี้ เข้าข่ายผิดกฎหมาย ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
เวลา 11.30 น. วันที่ 16 ส.ค.64 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. และโฆษก บช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. และพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. แถลงสรุปสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มต่างๆทางการเมือง เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ตามที่มีการประกาศเชิญชวนนัดหมายชุมนุมของกลุ่มทะลุฟ้า ในวันนี้ เวลา 15.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จากนั้นจะรวมตัวกันที่เกาะพญาไท แล้วเคลื่อนขบวนไปตามถนนพหลโยธิน มุ่งหน้าถนนวิภาวดี เพื่อไปยังจุดหมาย คือ บ้านพักของนายกรัฐมนตรี ซึ่งตั้งอยู่ในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ทาง บช.น. ขอเตือนว่า กทม.เป็นพื้นที่ประกาศควบคุมสุงสุด การรวมตัวชุมนุมการจัดกิจกรรมเกิน 5 คน มิอาจทำได้ ถือว่าผิดกฎหมายเข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
ส่วนกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมโพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า ได้เจรจากับตำรวจแล้วให้สามารถใช้เส้นทางดังกล่าวได้นั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า เส้นทางดังกล่าว เป็นเส้นทางอ่อนไหว ที่ใกล้เขตโรงพยาบาล ซึ่งอาจกระทบกับการรับส่งผู้ป่วย รวมถึงยังใกล้หน่วยทหาร ที่มีการรักษาความปลอดภัยสูง จึงขอให้ผู้ชุมนุมหลีกเลี่ยงการชุมนุมในบริเวณดังกล่าว ซึ่งการสกัดกั้นหรือวางแนวป้องกัน ตำรวจจะพิจารณาตามการข่าวและสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น
ขณะที่ พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า การชุมนุมวันนี้ ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางที่มุ่งสู่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิทุกเส้นทาง ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ทั้งถนนพญาไท พหลโยธิน อโศก-ดินแดง ราชวิถี วิภาวดีรังสิต ราชปรารถ ซอยพหลโยธิน 2 ทางลงด่วนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทางลงด่วนวิภาวดีรังสิต และอุโมงค์ข้ามแยกใต้ด่วนดินแดง ยอมรับว่า ช่วงที่ผ่านมา กลุ่มผู้ชุมนุมมีการทำลายป้อมจราจร ทำให้เมื่อเลิกการชุมนุมแล้ว ตำรวจจราจร ไม่สามารถเข้าอำนวยความสะดวกด้านการจราจรได้ ส่งผลให้เกิดการจราจรหลายเส้นทาง โดยเฉพาะบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวด้วยว่า จากการเผชิญหน้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวานนี้ ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนที่ปฏิบัติหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 17 ราย จากสะเก็ดของพลุ ปะทัดยักษ์ ระเบิดปิงปอง ลูกแก้ว ลูกหิน ของทางกลุ่มผู้ชุมนุมที่ใช้เข้าปะทะกับทางเจ้าหน้าที่ โดยขณะนี้ตรวจรักษากลับบ้านได้แล้ว 3 ราย ที่เหลือยังคงรับการรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตำรวจ 14 ราย นอกจากนี้ จากการตรวจสอบพื้นที่การชุมนุมพบรถที่เป็นทรัพย์สินราชการได้รับความเสียหาย 18 คัน ป้อมสัญญาณไฟจราจรเสียหาย 1 ป้อม ทั้งนี้ จากการปฏิบัติหน้าที่ที่ผ่านมา บช.น. ได้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องการชุมนุมในช่วงเดือน ก.ค.2564 จำนวน 37 คดี มีผู้ต้องหาที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย จำนวน 296 ราย จับกุมดำเนินคดีแล้ว 139 ราย
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อไปว่า การเข้าปะทะกับทางกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณหน้าแฟลตดินแดง ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากช่วงนี้ทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ออกมาทำกิจกรรมกันบ่อยครั้ง บช.น. ต้องขอโทษประชาชนชาวแฟลตดินแดง ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การชุมนุมและการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ และขอยืนยันว่าการทำงานของตำรวจเป็นการกระทำเพื่อต้องการควบคุมสถานการณ์และแก้ไขปัญหาเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าไปสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน
ส่วนกรณีมีการระบุว่า มีชาวบ้านแฟลตดินแดง ถูกตำรวจควบคุมฝูงชนยิงกระสุนยางขึ้นมาที่หน้าห้องพักชั้น 3 ทั้งๆ ที่ไม่ได้ร่วมชุมนุม พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า จากภาพที่มีการแชร์กัน ยอมรับว่าปลอกกระสุนคือกระสุนยางจริง แต่หัวกระสุนที่นำมาโพสต์ไม่ใช่อย่างแน่นอน เพราะหัวกระสุนยางจะมีลักษณะสีดำ และเจ้าหน้าที่ไม่มีความจำเป็นต้องยิงขึ้นไปหาผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง ส่วนคลิปที่มีการบันทึกว่ามีเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนพูดว่ายิงขึ้นไปเลย จะมีการตรวจสอบคลิปดังกล่าวอีกครั้ง แต่เบื้องต้นอาจจะเป็นการยิงขึ้นไปยังจุดอื่น เช่นสะพานลอย หรือจุดที่มีผู้ชุมนุมก่อความวุ่นวาย
รอง ผบช.น. กล่าวด้วยว่า สำหรับสีปลอกของกระสุนอาจจะพบว่ามีหลายสี เพราะมาจากการจัดซื้อหลายล็อต ขณะที่การใช้แก๊สน้ำตาควบคุมสถานการณ์ ตนยืนยันว่าจะมีการใช้แก๊สน้ำตาแค่แยกดินแดงเท่านั้น เพื่อลดผลกระทบไปยังประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา พบว่า มีผู้ชุมนุมใช้ชาวบ้านเป็นที่กำบัง ซึ่งผู้บังคับบัญชาได้กำชับว่า เราจะไม่ขึ้นไปบุกจับ และจะเลี่ยงยิงแก๊สน้ำตา เพื่อให้ผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด
ส่วนกรณีมีภาพปรากฏตามสื่อออนไลน์ว่า มีชายสูงอายุนอนได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะและเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนเดินผ่านโดยไม่ช่วยเหลือนั้น พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า ในทุกพื้นที่ที่มีการบังคับใช้กฎหมาย หากพบคนเจ็บจะมีการประสานหน่วยแพทย์ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือพร้อมอำนวยความสะดวกในการเข้าออกพื้นที่อยู่แล้ว.-สำนักข่าวไทย