กรุงเทพฯ 16 ส.ค.- กนอ.ร่วมประชุมGCTF พลังงานสีเขียว : หนทางสู่โลกที่สะอาดและยั่งยืน โดย กนอ.มีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 2.5 ล้านกิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าภายใน 5 ปี (2564 -2568 )
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 11 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ได้เข้าร่วมการประชุมกรอบความร่วมมือและการฝึกอบรมระดับโลกปี 2564 (“2021 Global Cooperation and Training Framework (GCTF) Virtual Conference on Green Energy: A Way to A Clean and Sustainable Earth ) พลังงานสีเขียว : หนทางสู่โลกที่สะอาดและยั่งยืน ผ่านระบบการประชุมทางไกล ร่วมกับผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานวิจัยด้านนวัตกรรมและอุตสาหกรรม สิ่งแวดล้อม จากนานาประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ออสเตรีย เวียดนาม ฟิจิ กัวเตมาลา สวีเดน เนเธอร์แลนด์ อินโดนีเซีย และไต้หวัน
โดย กนอ.ได้นำเสนอภาพรวมของการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Estate) โดยชูโครงการนิคมอุตสาหกรรมที่สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทน เช่น โครงการนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ท ปาร์ค (Smart Park) และโครงการนิคมอุตสาหกรรมเอ็กโก ระยอง อำเภอมาบตาพุด จังหวัดระยอง ที่มุ่งเน้นการเป็นนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะสีเขียว (Smart and Green Industrial Estate) เพื่อรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve และ New S-Curve ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)
“กนอ.มีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 2.5 ล้านกิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าภายใน 5 ปี (2564 -2568 )โดยสนับสนุนให้นิคมอุตสาหกรรมหันมาใช้พลังงานจากแผงผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ (Solar cell) พลังงานสะอาดและพลังงานสีเขียว (Green Energy) รวมทั้งไฮโดรเจนมาเป็นพลังงานทดแทน เช่น พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมสมาร์ท ปาร์ค ตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์ (Carbon Neutral Industrial Estate) โดยผ่านการใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาดนำเอาพลังงานไฮโดรเจนเข้ามาใช้แทนที่ และศึกษาพัฒนาการลงทุนโครงการโรงงานพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Power Business) และพลังงานหมุนเวียนรูปแบบอื่นๆ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการพัฒนาแห่งอนาคตผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีอัจฉริยะ ซึ่งนอกจากรวมอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงไว้ในที่เดียวกันแล้ว ยังเป็นนิคมอุตสาหกรรมต้นแบบที่มีระบบสาธารณูปโภคเพียบพร้อมได้มาตรฐานสากลที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตอื่นๆ”นายวีริศ กล่าว
สำหรับการประชุมกรอบความร่วมมือและการฝึกอบรมระดับโลกปี 2564 (“2021 Global Cooperation and Training Framework (GCTF) Virtual Conference on Green Energy: A Way to A Clean and Sustainable Earth ) พลังงานสีเขียว : หนทางสู่โลกที่สะอาดและยั่งยืน เป็นไปตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสหรัฐอเมริกาและไต้หวัน ที่มีการลงนามมาตั้งแต่ปี 2015 โดยมุ่งเป้าไปที่การจัดการปัญหาระดับโลกที่นานาประเทศมีความกังวลร่วมกัน เช่น ด้านสาธารณสุข กฎหมายและความร่วมมือบังคับใช้ ประสิทธิภาพการใช้พลังงานความปลอดภัยในโลกไซเบอร์และการทำตลาดอีคอมเมิร์ซ มนุษยธรรม ความช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัย และการรู้เท่าทันสื่อ โดยมีเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญประมาณ 2,400 คน จากประเทศสมาชิก 87 ประเทศ โดยการประชุมครั้งนี้เป็นการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ครั้งที่ 34.-สำนักข่าวไทย