กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ พัฒนาเครื่องแบ่งบรรจุวัคซีนอัตโนมัติ ช่วยดูดวัคซีนแอสตราเซนเนกาบรรจุลงเข็มฉีดยาได้อย่างแม่นยำ ทำให้มีวัคซีนเพิ่มขึ้น 20% ลดภาระงานของเจ้าหน้าที่
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ปัจจุบันการใช้วัคซีนแอสตราเซเนกา ซึ่งเป็นวัคซีนชนิดบรรจุหลายโดส โดย 1 ขวด ใช้สำหรับฉีด 10 โดส โดสละ 0.5 มิลลิลิตร แต่ผู้ผลิตบรรจุวัคซีนมาให้เกิน คือบรรจุมา 6.5 มิลลิลิตรต่อขวด ที่ผ่านมาบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับการฝึกฝนจะสามารถดูดวัคซีนได้มากถึง 11-12 โดสต่อขวด โดยต้องใช้เข็มฉีดยาชนิดพิเศษ ทำให้ต้องใช้ทรัพยากรและเพิ่มภาระงานให้เจ้าหน้าที่ กระทรวงสาธารณสุขจึงร่วมมือกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ พัฒนานวัตกรรมเครื่องแบ่งและบรรจุวัคซีนด้วยระบบอัตโนมัติ ทำให้การดูดวัคซีนและแบ่งบรรจุวัคซีนแต่ละโดสมีความแม่นยำและรวดเร็ว
การทำงานของเครื่องแบ่งบรรจุวัคซีน เจ้าหน้าที่จะเตรียมเข็มฉีดยาวางไว้บนแท่นจำนวน 12 หลอด เครื่องจะดูดวัคซีนออกมาจนหมดขวด โดยใช้หัวดูดสุญญากาศ ทำให้วัคซีนไม่สัมผัสกับหัวดูดโดยตรงแล้วจะเคลื่อนไปแบ่งบรรจุลงเข็มฉีดยาตามจำนวนที่กำหนด คือ 0.5 มิลลิลิตรเท่ากันทั้ง 12 หลอด โดยเครื่องทำงานแบบสายพาน แบ่งบรรจุวัคซีนลงหลอดฉีดยาอย่างต่อเนื่อง แม่นยำ และรวดเร็ว โดยใช้เวลาประมาณ 4 นาที จากนั้นปิดหลอดด้วยเข็มฉีดยา และนำมาเก็บใส่ถาดบรรจุวัคซีนเพื่อนำไปใช้ฉีดต่อไป
เครื่องแบ่งบรรจุวัคซีนจะช่วยแบ่งเบาบุคลากรทางการแพทย์ในการดูดวัคซีนออกจากขวด ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ทำให้มีวัคซีนในการฉีดเพิ่มขึ้น 20% ช่วยให้จุดฉีดวัคซีนขนาดใหญ่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยลดการใช้เข็มฉีดยาชนิดที่ลดปริมาณยาคงค้างในกระบอกฉีดยา นอกจากนี้ยังมีความปลอดภัย เพราะกระบวนการไม่ทำให้เกิดการปนเปื้อน เข็มและหลอดฉีดยาที่แบ่งบรรจุจะถูกเปลี่ยนใหม่ทุกครั้ง
ปัจจุบันจุฬาฯ ผลิตเครื่องต้นแบบไว้หนึ่งเครื่อง ซึ่งมีกำลังการผลิตได้ประมาณ 25 เครื่องต่อเดือน หลังจากผลของตัวต้นแบบนี้ออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็เตรียมสั่งผลิต เพื่อนำมาใช้งานต่อไป.-สำนักข่าวไทย