วัดดังฟ้อง อบต.ราชาเทวะ ระงับก่อสร้างอาคาร 193 ล้าน

สมุทรปราการ 5 ส.ค.-วัดกิ่งแก้วให้ทนายความยื่นฟ้อง อบต.ราชาเทวะ ระงับการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์มูลค่า 193 ล้านบาท วันพรุ่งนี้ อ้างเหตุผลไม่เป็นไปตามสัญญาเดิมที่ อบต.ขอเช่าที่ดินของวัดเพื่อทำสวนสาธารณะ แต่กลับมาสร้างอาคารสูง 5 ชั้น

นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความ เปิดเผยกับ “สำนักข่าวไทย อสมท” ว่า ได้รับมอบอำนาจจากวัดกิ่งแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ให้เป็นทนายความ ยื่นฟ้ององค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)ราชาเทวะ กรณีไม่ปฏิบัติตามสัญญาเช่าที่ดินของวัดกิ่งแก้ว หลังจากที่มีข้อพิพาทกันและไม่สามารถตกลงกันได้ จึงจำเป็นต้องใช้สิทธิดำเนินการตามกฎหมายโดยการฟ้องคดีต่อศาล


นายเกิดผล กล่าวว่า เมื่อปี 2538 อบต.ราชาเทวะ ได้ทำสัญญาขอเช่าที่ดินของวัดกิ่งแก้ว เนื้อที่ 600 ตารางวา เพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการ อบต. โดย อบต.ตกลงจ่ายค่าเช่าที่ดินให้วัดเป็นรายปี ปีละ 20,000 บาท แต่ระยะเวลาการเช่าที่ดินไม่มีการระบุให้ชัดเจน ในสัญญาระบุไว้ว่า “มีกำหนดระยะเวลาตลอดไป” ต่อมาปี 2541 อบต.ขอเช่าที่ดินของวัดอีก 1,600 ตารางวา ระบุในสัญญาเช่าที่ดินว่า เพื่อทำสวนสุขภาพเพื่อประชาชน โดยจ่ายค่าตอบแทนจากการใช้ที่ดินให้แก่วัด จำนวน 8 ล้านบาท และจ่ายค่าเช่าที่ดินรายปี ปีละ 38,400 บาท มีกำหนดระยะเวลาเช่าตลอดไปเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2563 อบต.ราชาเทวะ ได้ทำการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ สูง 5 ชั้น ใช้งบประมาณกว่า 190 ล้านบาท ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามที่ตกลงในสัญญาฉบับที่ 2 ที่ อบต.แจ้งวัตถุประสงค์ในการขอเช่าที่ดิน เพื่อทำสวนสุขภาพ


ประกอบกับการที่สัญญาเช่าที่ดินทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว ระบุระยะเวลาการเช่าที่ดินว่า “มีกำหนดระยะเวลาตลอดไป” ซึ่งถือเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ทำให้วัดเสียหาย ทั้งมิใช่การผาติกรรมที่ดินวัดตามกฎหมาย การจัดทำสัญญาเช่าที่ดินทั้งสองฉบับดังกล่าวจึงไม่ได้เป็นไปโดยถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พรบ.คณะสงฆ์ และมติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 14/2521

นายเกิดผล กล่าวอีกว่า วัดกิ่งแก้วจึงได้มอบอำนาจให้ตนเป็นทนายความ ทำหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าที่ดินกับ อบต.ราชาเทวะ ซึ่งตนได้ทำหนังสือแจ้งเรื่องดังกล่าวกับ อบต.ราชาเทวะ ไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ อบต.ราชาเทวะ เพิกเฉย ตนจึงทำหนังสือแจ้งเป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา ขอยกเลิกสัญญาเช่าที่ดินทั้งสองฉบับ และขอให้ อบต.ดำเนินการส่งมอบที่ดินคืนในสภาพเดิมให้กับวัดกิ่งแก้ว รวมทั้งขอให้ระงับการก่อสร้างอาคารบนที่ดินดังกล่าวทันที หาก อบต.มีความประสงค์จะใช้ที่ดินธรณีสงฆ์แปลงดังกล่าวต่อไปอีก ขอให้ติดต่อทำสัญญาเช่าที่ดินกับวัดกิ่งแก้วให้เสร็จสิ้นภายใน 15 วัน เพื่อที่ทางวัดจะได้รายงานผลให้สำนักงานพระพุทธศาสนาทราบต่อไป

“เมื่อ อบต.ราชาเทวะ ยังคงเพิกเฉยต่อการขอบอกเลิกสัญญาดังกล่าว ทางวัดกิ่งแก้วจึงมอบอำนาจให้ผมยื่นฟ้อง อบต.ราชาเทวะ เป็นคดีฟ้องขับไล่ โดยผมจะไปยื่นคำฟ้องต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการในวันพรุ่งนี้ เวลา 10.00 น. และจะขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินมีคำสั่งให้ อบต.ระงับการก่อสร้างอาคารไว้ก่อนด้วย” นายเกิดผล กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง