ตร.แถลงสรุปสถานการณ์หลังปะทะเดือด “คาร์ม็อบ”

กรุงเทพฯ 2 ส.ค. – สถานการณ์ชุมนุม “คาร์ม็อบ” ตั้งแต่ช่วงบ่ายถึงค่ำวานนี้ มีเหตุปะทะระหว่างตำรวจกับกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วน ตำรวจแถลงรวบผู้ชุมนุม 10 คน ขณะที่มีตำรวจบาดเจ็บ 4 นาย


นี่เป็นภาพสถานการณ์ที่อุโมงค์สามเหลี่ยมดินแดง หลังกลุ่ม “คาร์ม็อบ” ที่นัดรวมตัวเมื่อวานนี้ (1 ก.ค.) ยุติการจัดกิจกรรม แต่ปรากฏว่า บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง มีกลุ่มมวลชนยังคงปะทะกับตำรวจ รวมถึงมีการยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตาของเจ้าหน้าที่ FFP รายงานว่า การกระทบกระทั่งกันเกิดขึ้นประมาณ 19.00 น. หลังจากมวลชนบางส่วนยังไม่แยกย้ายกันเดินทางกลับ แม้จะมีการประกาศยุติการชุมนุม

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้ยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยาง เพื่อสกัดผู้ชุมนุมเป็นระยะ นอกจากนี้ยังมีเสียงคล้ายเสียงปืนและระเบิดดังขึ้นหลายครั้งในพื้นที่เกิดเหตุ จากนั้นเวลา 19.30 น. กลุ่มมวลชนได้ถอยร่นออกมาจากบริเวณที่เกิดการปะทะ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ยิงแก๊สน้ำตาอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่ามีเจ้าหน้าที่บางส่วนขึ้นไปด้านบนทางด่วนและขว้างแก๊สน้ำตาลงมา ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมเกิดความไม่พอใจ จนกระทั่งช่วงกลางดึก กลุ่มมวลชนจึงได้แยกย้ายกันกลับ


ก่อนหน้านี้ ในช่วงเย็นยังพบการกระทบกระทั่งระหว่างมวลชนและเจ้าหน้าที่ ระหว่างปักหลักรวมตัวช่วงเวลาประมาณ 17.50 น. บริเวณหน้ากรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ถ.วิภาวดีรังสิต ทำให้ชุดควบคุมฝูงชนต้องกดดันด้วยการใช้รถเครื่องขยายเสียง ประกาศขอให้ยุติการชุมนุมและออกจากพื้นที่ เพื่อคืนพื้นผิวการจราจรให้ประชาชนใช้สัญจรตามปกติ แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยินยอม จนเกิดการปะทะขึ้น เจ้าหน้าที่จึงนำรถฉีดน้ำแรงดันสูงออกมา และฉีดน้ำใส่ผู้ชุมนุมเพื่อผลักดัน ใช้เวลาประมาณ 15 นาที จึงสามารถควบคุมสถานการณ์ได้

หลังจากนั้น พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคณะ แถลงสรุปสถานการณ์การชุมนุมแนวร่วมกลุ่มราษฎร 5 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มหมู่บ้านทะลุฟ้า, กลุ่มประชาชนคนไทย, เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี, กลุ่มคนไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่รวมตัวกันจัดกิจกรรมคาร์ม็อบ พบมีการกระทำความผิด คือ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, ผิด พ.ร.บ.โรคติดต่อ, ผิด พ.ร.บ.จราจรทางบก, ผิด พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยการใช้เครื่องขยายเสียง, รวมตัวมั่วสุมมากกว่า 10 คนขึ้นไป ก่อเหตุความวุ่นวาย และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าหน้าที่

ทั้งนี้ มีการนัดหมายชุมนุมตั้งแต่เวลา 10.00 น. และยุติการชุมนุมในเวลา 16.00 น. แต่มีผู้ชุมนุมบางส่วนก่อความวุ่นวาย บริเวณหน้ากรมทหารราบที่ 1 มีการใช้หนังสติ๊ก ขว้างปาสิ่งของ และจุดพลุประทัดใส่ตำรวจควบคุมฝูงชน เป็นเหตุให้มีตำรวจบาดเจ็บ 4 นาย และก่อเหตุต่อเนื่องไปจนถึงแยกดินแดงในช่วงค่ำ ซึ่งตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด เบื้องต้นการชุมนุมใน กทม. จับกุมผู้ก่อเหตุได้ 3 คน ส่วนที่ จ.นนทบุรี จับกุมผู้ก่อเหตุ 7 คน. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง