ก.ยุติธรรม 8 มี.ค.-รมว.ยุติธรรม เผยแผนเข้าค้นวัดพระธรรมกายแต่ยังไม่ระบุวัน หากขัดขวางต้องบังคับใช้กฎหมาย แต่จะไม่ให้เกิความรุนแรง ย้ำรัฐไม่มีความคิดยึดทรัพย์สินวัดและทำลายธรรมกาย ขอร้องยุติการชุมนุมและปลุกระดม
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม(ยธ.) กล่าวถึงมาตรการดำเนินการกับวัดพระธรรมกาย ว่า ยังคงเป็นไปตามขั้นตอน คือ ดำเนินการด้านกฎหมาย ด้านการปกครองของคณะสงฆ์และพระธรรมวินัย ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับผิดชอบในด้านกฎหมายเป็นหลักซึ่งยังคงยึดหลักการเดิม คือเจ้าหน้าที่ต้องเข้าตรวจค้นพื้นที่ไปภายในวัดได้ โดยไม่ถูกขัดขวาง แต่ขณะนี้พบยังมีการขัดขวางและปลุกระดม ให้เกิดความเข้าใจผิดต่อเจ้าหน้าที่รัฐว่าจะเข้าไปยึดทรัพย์สินวัด เข้าไปทำลายวัดพระธรรมกาย
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีความคิดดังกล่าววัดพระธรรมกายก็ยังคงเป็นวัดเช่นเดิม ส่วนการบริหารวัดที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เป็นเรื่องของเจ้าคณะปกครอง และอยากให้เข้าใจถูกต้องว่า สิ่งที่รัฐบาลทำไม่ได้ต้องการเข้าไปทำลายวัดหรือยึดทรัพย์ตามที่มีการปลุกระดม ยุยงหรือชี้นำ การที่พยายามรวมตัวกันขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ขอให้ยุติได้แล้ว การกระทำเช่นนี้เหมือนเป็นการรับความผิดแทนคนอื่น
ส่วนเรื่องการปกครองและพระธรรมวินัยเป็นเรื่องของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) สำนักนายกรัฐมนตรีที่ต้องดำเนินงานต่อไป และมีอีกประเด็นที่กำลังเป็นกระแสและพูดถึงในวงกว้าง คือการปฏิรูปศาสนา เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว เมื่อวานนี้ ครม.มีการหารือเรื่องนี้ เห็นตรงกันว่าการปฏิรูปมีความจำเป็นต้องดำเนินการ แต่จะดำเนินการร่วมกับคณะสงฆ์ ซึ่งที่ผ่านมา มหาเถรสมาคม (มส.) ได้ส่งผู้แทนในการทำงานร่วมกันมาโดยตลอด ซึ่งกรณีวัดพระธรรมกาย ถือเป็นบทเรียนให้กับทุกฝ่าย ดังนั้น การปฏิรูปควรทำอย่างจริงจังและรวดเร็ว แม้กระทรวงยุติธรรมไม่เกี่ยวข้องโดยตรงแต่พร้อมให้การสนับสนุน ทั้งนี้ ดีเอสไอจะเดินเรื่องมาตรการทางกฎหมายต่อไปและช่วยสนับสนุนทางด้านการปกครองและพระธรรมวินัยด้วย ส่วนกรณีการถอดสมณศักดิ์และจะดำเนินการสึกหรือไม่เป็นเรื่องของคณะสงฆ์ที่จะพิจารณา
ส่วนคำถามที่ว่าพระธัมมชโยยังอยู่ที่วัดหรือไม่ ดีเอสไอยังรอตรวจสอบอยู่ เพราะต้องตอบข้อสงสัยของสังคมให้ได้ แต่เนื่องจากยังถูกขัดขวางจึงยังไม่สามารถบอกได้ชัดว่าอยู่ในวัดหรือไม่ ยืนยันว่าต้องเข้าตรวจค้น แต่ยังไม่ได้ระบุกรอบเวลา ซึ่งประกอบด้วยมาตราการหลายอย่างที่กำลังทำอยู่บางอย่างก็สามารถเปิดเผยได้และไม่ได้ และหากเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นจริง ทางวัดจะมาสร้างเงื่อนไขไม่ได้ว่าต้องกำหนดจุดเข้า หรือจำนวนเจ้าหน้าที่ เพราะเป็นไปตามกฎหมายและหากถูกขัดขวางอีก จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมาย แต่จะไม่ให้เกิดการบาดเจ็บหรือเสียหาย ซึ่งการค้นครั้งแรกไม่สามารถเข้าค้นได้ทุกจุด จึงไม่สามารถตอบสังคมได้ว่าพระธัมมชโยอยู่ที่วัดหรือไม่ .-สำนักข่าวไทย