พรรคเพื่อไทย 19 ก.ค.-เพื่อไทย เสนอรัฐเร่งคัดกรอง แจง-นำเข้าวัคซีน เตรียมยารักษาเร่งเยียวยาทุกส่วน ชี้รัฐล็อกดาวน์ตัวเองไม่ทำงานเปรียบเหมือนมีรัฐบาลทิพย์ เชื่อ ม็อบ 18 ก.ค.ไม่ใช่ม็อบสุดท้าย
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงถึงการประเมินล็อกดาวน์ของรัฐบาล ครึ่งทางว่า 7 วันที่ผ่านมาของมาตรการล็อกดาวน์ เจ็บแล้วไม่จบ มีแนวโน้มเจ็บไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะผ่านล็อกดาวน์เข้มข้นมา 7 วัน แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตไม่ลดลง กลับเพิ่มขึ้นทุกวัน และมีการเพิ่มจังหวัดแดงเข้มเป็น 13 จังหวัด จาก10จังหวัด วิกฤตหนักอียูถอนไทยออกจากประเทศที่ปลอดภัยของโควิด วิกฤตหนักพุ่งอันดับ 8 ของโลก ทั้งนี้ก่อนที่จะลามไปมากกว่า13 จังหวัดขอเสนอให้รัฐ เร่งทำระบบคัดกรองเชิงรุก เปิดจุดตรวนที่ประชาชนเข้าถึงง่ายและลดขั้นตอน รวมถึงต้องเร่งควบคุมราคาชุดตรวจโควิดด้วยตัวเอง เพื่อลดภาระให้ประชาชน นอกจากนี้รัฐต้องสื่อสารประชาชนถึงเรื่องวัคซีนต่างๆและเร่งนำเข้าวัคซีนให้ประชาชนเข้าถึงโดยง่าย รวมไปถึงต้องเร่งหายาที่รักษาอาการติดเชื้อและเวชภัณฑ์ในการรักษาโควิด19 ให้เพียงพอ เร่งเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจ อย่างทั่วถึง
นายอนุสรณ์ ยังตั้งคำถามว่า รัฐบาลได้ล็อกดาวน์ตัวเองด้วยหรือไม่ เพราะล้มเหลวทั้งหมด วันนี้เกิดภาพเสมือนรัฐบาลเลือกลอกดาวน์ตัวเอง เลือกล็อกดาวน์บทบาทหน้าที่ที่ต้องทำ หลายกระทรวงหายไป เช่น กระทรวงดีอีเอส ที่ควร ใช้ข้อมูลเป็นเครื่องมือดูแลประชาชน แต่กลับมาตรวจจับคอนเท้นท์ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ซึ่งประชาชนไม่ได้ประโยชน์ ขณะที่กระทรวงพัฒนาสังคม ไม่ได้เข้ามาดูแลประชาชนที่เดือดร้อน กระทรวงศึกษาก็ไม่ได้ดำเนินมาตรการลดค่าเทอมเพื่อช่วยลดภาระผู้ปกครอง
“มีรัฐบาลแต่เหมือนมีรัฐบาลทิพย์ ที่ลอกดาวน์ตัวเอง มีกระทรวงกลาโหมกระทรวงเดียวที่ขยันสอดไส้ซื้อเรือดำน้ำ จึงขอถามว่าถ้าประชาชนเข้าไม่ถึงการช่วยเหลือเยียวยาจากหน่วยงานรัฐ เราจะมีรัฐบาลไปทำไม ในห้วงสถานการณ์วิกฤต สูญเสียคนในครอบครัว ถ้าท่านอยุ่แล้วไม่ทำงาน อย่าล็อกดาวน์อำนาจ ต้องยกระดับในการแสดงความรับผิดชอบ อย่าอยู่ถ้าทำหน้าที่ไม่ได้ หรือไม่ดี แม้จะมีบางพรรคบอกกลืนเลือด ตกเป็นแพะ ก็ช่วยไม่ได้เพราะมาร่วมรัฐบาลเอง”นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ ยังกล่าวถึงการชุมนุม เมื่อวานนี้ (18 ก.ค.) ว่าผู้ชุมนุมได้ดำเนินการตามสิทธิเสรีภาพโดยชอบตามรัฐธรรมนูญ แต่เจ้าหน้าที่กลับใช้ความรุนแรงเกินความจำเป็นแทนที่จะรับฟัง ซึ่งการที่ผู้ชุมนุมต้องมาเพราะเห็นว่ารัฐบาลล้มเหลว ผิดพลาดไร้ประสิทธิภาพ
“ระหว่างกลัวโควิด กับรัฐบาลที่ล้มเหลว สืบทอดอำนาจ อันไหนจะน่ากลัวกว่ากัน ประชาชนไปขอวัคซีน mRNA แต่กลับได้แก๊สน้ำตา กระสุนยาง และถูกฉีดน้ำ วันนี้ต้องถามว่าท่านได้ยินเสียงร้องไห้ของประชาชนหรือไม่ เยียวยาไม่ถ้วนหน้า แต่ผลกระทบโควิดได้รับกันถ้วนหน้า ผมเชื่อว่าม็อบ 18 ก.ค.ไม่ใช่ม็อบสุดท้าย ยังมีการนัดหมายอีกหลายครั้ง”นายอนุสรณ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย