ครม.เห็นชอบลดภาษีให้ผู้เชี่ยวชาญ ดึงเข้าทำงานใน EEC

ทำเนียบฯ 28 ก.พ.-ครม.เห็นชอบลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ให้กับผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย หวังดึงเข้าทำงานใน EEC ลดภาษีเหลือร้อยละ 17 ต้องเป็นบุคคลอาศัยอยู่ในไทยไม่เกิน 180 วัน ยืนยันไม่กระทบภาระภาษี


นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ …..)  พ.ศ. …..  เพื่อเป็นมาตรการภาษีเพื่อจูงใจผู้มีความสามารถสูงจากเวทีระดับโลก ผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย ทั้งคนไทยหรือต่างชาติ ให้เข้ามาทำงานในประเทศไทยใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายตามโครงการพัฒนาระเบียบเศรษฐกิจภาคภาคตะวันออก (EEC)  ด้วยการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเหลือร้อยละ 17  จากเดิมเพดานภาษีของบุคคลธรรมดาสูงสุดสร้อยละ 35  หากลดหย่อนภาษีในด้านต่างๆ  ยอดภาษีเหลือประมาณร้อยละ 28 เนื่องจากเห็นว่าผู้บริหาร ส่วนใหญ่มีเงินเดือนนับล้านบาท หากเข้ามาทำงานอยู่ในเขต EEC จะได้รับสิทธิ์ทันที เพื่อไม่ต้องแบ่งรับเงินเดือนในต่างประเทศและบางส่วนรับเงินในประเทศ

ดังนั้นจึงให้บุคคลดังกล่าวเลือกแนวทางเสียภาษีเพียงด้านใดด้านหนึ่ง หากเลือกเสียภาษีแบบคงที่ร้อยละ 17 (เงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยงเลี้ยง โบนัส) จะไม่ให้หักลดหย่อนมาตรการต่างๆ หรือจะเลือกการภาษีแบบอัตราก้าวหน้าสูงสุดร้อยละ 35  เพื่อรับสิทธิ์ลดหย่อนต่างเหมือนเดิมได้ คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะได้รับความสนใจจากผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญจำนวมากเข้ามาอยู่ใน EEC เพื่อดึงคนไทยที่ไปทำงานในต่างประเทศ หรือคนต่างชาติเข้ามาทำงานในไทย ขณะนี้ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในสิงคโปร์ร้อยละ 20  ฮ่องกงสูงสุดร้อยละ 17  แต่เป็นอัตราก้าวหน้า โดยบริษัทต้องแจ้งรายชื่อกลุ่มคนดังกล่าวให้กับกรมสรรพากรรับทราบ สำหรับเงินได้อย่างอื่นที่นอกเหนือจากการจ้างแรงงานตามมาตรการนี้จะต้องเสียภาษีในอัตราก้าวหน้าตามปกติ  สำหรับในปีการใช้สิทธิลดหย่อนผู้เสียภาษีจะต้องอยู่ในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 180 วัน ยกเว้นปีแรกและปีสุดท้ายจะอยู่ในไทยน้อยกว่า 180 วันก็ได้ ห้ามย้ายจากจังหวัดอื่น เพื่อเข้ามาอยู่ใน EEC เพื่อหวังประโยชน์ทางภาษี


ผู้ได้รับการลดหย่อนภาษีเข้ามาทำงานในองค์กร บริษัทที่ตั้งอยู่ในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ได้รับการส่งเสริมจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันหรือบีโอไอพลัส  และได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ และอยู่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย  อุตสาหกรรมอนาคต ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมใหม่ที่ประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งขัน และมีผู้สนใจลงทุน ประกอบด้วย 1) อุตสาหกรรมหุ่นยนต์เพื่อการอุตสาหกรรม (Robotics) 2) อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ (Aviation and Logistics) 3) อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ (Biofuels and Biochemicals) 4) อุตสาหกรรมดิจิทัล (Digital) 5) อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) เพื่อให้ได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง