รัฐสภา 8 ก.ค. -คณะแอมเนสตี้ แนะคุมการชุมนุมโดยไม่ใช้ความรุนแรง สอบตำรวจคุมม็อบ ฉีดน้ำแรงดันสูง และเยียวยาอย่างเป็นธรรม ปรับปรุงหลักสูตรอบรมผู้บังคับใช้กฎหมาย ตามมาตรฐานสากล
นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร รับยื่นหนังสือจาก นางปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย และคณะ เรื่อง รายงานวิจัยเกี่ยวกับการควบคุมฝูงชนในระหว่างการชุมนุมสาธารณะในประเทศไทย โดยให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อรับมือกับการชุมนุมสาธารณะที่มีเยาวชนเป็นแกนนำ ตั้งแต่เดือน ต.ค. 63 – ก.พ. 64 พบว่ามีการละเมิดสิทธิและเสรีภาพในการชุมนุมหลายครั้ง และมาตรการต่างๆ ที่ภาครัฐนำมาใช้ต่อผู้ชุมนุมในลักษณะเป็นการใช้กำลังที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และมาตรฐานการควบคุมฝูงชนระหว่างประเทศ อีกทั้งยังพบหลักฐานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายไม่ได้ป้องกันความรุนแรงจากบุคคลที่สามที่กระทำต่อผู้ชุมนุม
คณะแอมเนสตี้ ได้เสนอแนะต่อรัฐบาล ให้กำหนดแนวทางดูแลการชุมนุมในภาพรวม โดยสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นการชุมนุมอย่างสงบ รวมถึงใช้วิธีการที่ไม่รุนแรง อาทิ การเจรจา การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และการไกล่เกลี่ย และให้การประกันว่าการใช้กำลังใด ๆ สามารถทำได้เมื่อมีความจำเป็นอย่างถึงที่สุดแล้วเท่านั้น และต้องสอดคล้องกับหลักความจำเป็น ขณะเดียวกันต้องแยกแยะระหว่างผู้ชุมนุมที่ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมที่ไม่ใช้ความรุนแรง และปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ที่ใช้ความรุนแรงที่กระทำความผิดเท่านั้น
รวมถึงขอให้มีการสืบสวนอย่างรวดเร็ว เป็นอิสระ ไม่ลำเอียงและเห็นผล ต่อกรณีที่เจ้าหน้าที่ใช้กำลัง รวมถึงฉีดน้ำแรงดันสูงที่ผสมสารเคมีใส่ผู้ชุมนุมในปี 2563 ตลอดจนชดเชยเยียวยาอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งการจ่ายค่าชดเชย ฟื้นฟู และรับประกันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นอีก และต้องยกเลิกข้อหาทั้งหมดที่มีต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและนักกิจกรรม และแก้ไขหรือยกเลิก พ.ร.บ. การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ให้สอดคล้องกับกฎหมายและมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ รวมถึงการชุมนุมโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้าได้ และยกเลิกข้อจำกัดที่เกินกว่าเหตุในการปิดกั้นการชุมนุมโดยสงบ
คณะแอมเนสตี้ ยังเรียกร้องให้ปรับปรุงหลักสูตรในการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย ตามมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ การใช้กำลังและอาวุธที่ชอบด้วยกฎหมาย นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า สภาฯยินดีรับเรื่องราวต่าง ๆ และให้ความสำคัญกับทุกเสียงของประชาชน เพื่อไปดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป และยินดีเป็นกลไกหนึ่งที่จะช่วยเป็นกระบอกเสียงและผลักดันข้อเสนอต่างๆ ไปยังรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง.-สำนักข่าวไทย