กรุงเทพฯ 7 ก.ค. – หุ้น MENA เปิดเทรดวันแรกที่ 1.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท (+33.33%) จากราคาขาย IPO ที่ 1.20 บาท/หุ้น
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท. ยินดีต้อนรับ บมจ. มีนาทรานสปอร์ตเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ในกลุ่มบริการ หมวดขนส่งและโลจิสติกส์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “MENA”
MENA ดำเนินธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าด้วยรถลากจูงหรือรถเทรลเลอร์ (Trailer) ให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถผสมคอนกรีตหรือรถมิกเซอร์ (Mixer) และการขายสินค้าวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ และเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้าง
นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ MENA เปิดเผยว่า รู้สึกดีใตที่เข้าเทรดวันแรกและได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก โดย MENA มีความมุ่งมั่นในการขยายการเติบโต และรักษาความเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถผสมคอนกรีต หรือรถมิกเซอร์ และเทรลเลอร์ รายใหญ่ของประเทศ ด้วยจุดเด่นในการบริหารจัดการรถในระดับต้นๆ ของอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ MENA จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนขยายกองยานเพื่อรองรับงานโครงการของกลุ่มลูกค้าและพื้นที่ให้บริการครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรม และงานโครงสร้างพื้นฐานของทางภาครัฐ เช่น โครงการ EEC โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 1 กทม.-นครราชสีมา และโครงการรถไฟทางคู่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างพูดคุยกับพันธมิตรทางธุรกิจอีกราว 3-4 โปรเจ็กต์ เพื่อขยายบริการด้านขนส่งไปยังกลุ่มสินค้าเฉพาะทาง และสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นอีกแหล่งรายได้ที่ช่วยสนับสนุนให้ MENA มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นในอนาคต และคาดจะเริ่มเห็นความชัดเจนในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้
ขณะเดียวกัน เริ่มเห็นความชัดเจนในงานโครงการภาครัฐ และภาคเอกชน ที่ส่งสัญญาณฟื้นตัว รับอานิสงส์นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าในครึ่งปีหลังจะเป็นช่วงที่มีการเร่งส่งมอบงานตามแผน เป็นโอกาสทองของ MENA เนื่องจากเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจขนส่งด้วยรถมิกเซอร์ และรถเทรลเลอร์ ที่มีจำนวนรถรวมกันกว่า 600 คัน พร้อมให้บริการลูกค้าทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างเจรจาการขนส่งในโครงการใหม่ๆ
สำหรับการรับมือกับสถานการณ์โควิด – 19 เมื่อมีการปิดแคมป์คนงานในกรุงเทพฯ ได้มีการโยกรถไปทำงานในจังหวัดอื่นที่ไม่มีการปิดแคมป์ และให้พนักงานขับรถของบริษัทไปฉีดวัคซีนแล้วกว่า 50% รวมถึงมีมาตรการป้องกันให้กับพนักงานอย่างเข้มงวด
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าผลประกอบการในปีนี้จะเติบโตได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แม้จะมีการปิดแคมป์คนงาน มองว่าเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากความต้องการใช้คอนกรีตยังมีอยู่ เชื่อหลังจากกลับมาเปิดอีกครั้งความต้องการใช้คอนกรีตจะกลับมาพุ่งสูงขึ้น เพราะงานก่อสร้างต้องเดินหน้าต่อ
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% อย่างน้อยปีละครั้ง โดยพิจารณาจากงบการเงินเฉพาะกิจการภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม MENA อาจพิจารณาจ่ายเงินปันผลแตกต่างไปจากนโยบายที่กำหนดไว้ได้ โดยจะขึ้นอยู่กับผลประกอบการ ฐานะการเงิน สภาพคล่องทางการเงิน ความจำเป็นในการใช้เงินเพื่อบริการกิจการและขยายธุรกิจ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจ . – สำนักข่าวไทย