กรุงเทพฯ 5 ก.ค. – รมว. เกษตรฯ เผยหารือรมว. คมนาคม เร่งปั้น “แอร์คาร์โก้สินค้าเกษตร” ผนึกภาครัฐ-เอกชน ช่วยเกษตรกรขยายตลาดส่งออกทั่วโลก
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า ได้หารือเบื้องต้นกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับ “โครงการแอร์คาร์โก้สินค้าเกษตร” ซึ่งจะจัดสร้างศูนย์ตรวจสอบคุณภาพสินค้าเกษตร-อาหารแบบครบวงจรในคาร์โก้เทอร์มินัล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระบบการขนส่งทางอากาศ ( Air Cargo System) สำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร ที่ประกอบด้วยโครงสร้างสำคัญ 3 ส่วนได้แก่ คาร์โก้เทอร์มินัล (Cargo Terminal) สายการบินคาร์โก้ (Air Cargo Fleet) และศูนย์ตรวจสอบคุณภาพสินค้าเกษตร-อาหารแบบครบวงจรในคาร์โก้เทอร์มินัลดังกล่าว โดยร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชนในพื้นที่ดำเนินการที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองและท่าอากาศยานภูมิภาคที่มีความพร้อมเช่นเชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่ ภูเก็ต เป็นต้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร ตลอดจนเป็นการบริหารโอกาสของประเทศไทยภายใต้วิกฤติโควิด-19
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า รมว. เกษตรฯ เรียกประชุมส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการพัฒนาระบบขนส่งสินค้าทางอากาศ (Air cargo system) สำหรับสินค้าเกษตรและอาหาร โดยมอบหมายให้ที่ปรึกษารมว. เกษตรฯ เร่งประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนต่อไปเพื่อดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว
สำหรับศูนย์ตรวจสอบคุณภาพสินค้าเกษตร-อาหาร ณ คาร์โกเทอร์มินัลซึ่งทำหน้าที่ให้บริการตรวจสอบรับรองสินค้าเกษตรและอาหารทั้งสินค้าพืช ประมง และปศุสัตว์ตามมาตรฐานสากลจะต้องบริการด่วน (Express Service) แบบวันสต็อปเซอร์วิส โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อลดเวลาและค่าใช้จ่ายของภาคเอกชนทั้งนำเข้าและส่งออกเพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นฮับการผลิตและขนส่งสินค้าเกษตรและอาหารของอาเซียน
ทั้งนี้สถาบันอาหารประเมินว่าในปี 2564 การส่งออกสินค้าอาหารของไทยจะมีมูลค่า 1.08-1.10 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2-12.2% เทียบกับปีที่ผ่านแม้จะได้รับผลกระทบจากวิกฤติการณ์โควิด 19 สะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทยในการผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ
นอกจากนี้ผู้ประกอบการบินได้นำเสนอสถานการณ์ของธุรกิจการบินและแนวทางการพัฒนาสายการบินขนส่งสินค้าทางอากาศในลักษณะโลคอสต์แอร์คาร์โก้โดยมุ่งเป้าหมายตลาดจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ตะวันออกกลาง ยุโรป และอเมริกาด้วยอัตราค่าบริการถูกกว่าอัตราค่าขนส่งในปัจจุบันและเห็นด้วยกับนโยบายของรมว. เกษตรฯ โดยพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เนื่องจากการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารต้องการความสะดวกรวดเร็วส่งถึงลูกค้าปลายทางทั่วโลกด้วยคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล. – สำนักข่าวไทย