เพื่อไทย11 มิ.ย.- ผู้ประกอบการภาคธุรกิจภูเก็ต เรียกร้องความชัดเจนมาตรการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ด้าน ส.ส.เพื่อไทย จี้รัฐเร่งกระจายวัคซีน ความเชื่อมั่นขึ้นอยู่กับความพร้อมรับมือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานเสวนา “ภูเก็ต sandbox ปลดล็อกการท่องเที่ยวไทยหรือไม่” มีนายนิพนธ์ เอกวานิช ประธานกรรมการ บริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด ร่วมสะท้อนภาพการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ว่า ภาคธุรกิจและประชาชนต้องปรับตัวกันอย่างมาก จึงทำให้มีความเสียหายเกิดขึ้นหลายแสนล้านบาท ทั้งนี้จึงต้องพยายามหาทางออก โดยข้อเสนอโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดส และมีการตรวจเชื้อแล้ว เข้ามาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ก่อน 7 วัน ซึ่งสามารถไปท่องเที่ยวทั้งจังหวัดเมื่อครบ 7 วัน แล้วนักท่องเที่ยวก็สามารถเดินทางออกไปยังจังหวัดอื่นๆในประเทศไทยได้ โดยจะต้องมีการตรวจหาเชื้อก่อน ส่วนที่มีการเสนอให้เพิ่มเป็น 14 วันนั้น ทำให้เกิดผลกระทบกับนักท่องเที่ยวที่อาจจะเกิดความสับสน ซึ่งยังไม่ได้มีความชัดเจนจาก ศบค. ว่าจะให้ดำเนินการแบบไหน หากจังหวัดภูเก็ตเปิดได้ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีต่อการท่องเที่ยว แต่ในจังหวัดต้องมีวัคซีนเพียงพอ 70% ขึ้นไป และต้องมีแผนรองรับว่าหากเกิดการติดเชื้อจะดำเนินการอย่างไร
ด้าน น.ส.ชนก จันทาทอง ส.ส.หนองคายพรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวฯ กล่าวว่า ไทม์ไลน์ในการจะเปิดรับท่องเที่ยวภูเก็ตในวันที่ 1 กรกฎาคม คาดว่าจะดำเนินการได้ เพราะมีการฉีดวัคซีนให้ประชาชนในพื้นที่ไปแล้วกว่าร้อยละ 60 แต่ยังไม่มีความชัดเจนจาก ศบค.ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับการกักตัวนักท่องเที่ยวจะใช้ 7 หรือ14 วัน ซึ่งหากไม่มีความชัดเจนเช่นนี้ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติยกเลิกการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ดังนั้นจึงขอความชัดเจนจาก ศบค.ให้เร็วที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว
ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน ทีมนโยบายสาธารณสุขพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มาตราการด้านการแพทย์สาธารณะสุขเป็นกุญแจดอกสำคัญ ถ้าสามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ ก็จะสามารถปลดล็อกได้ทันที ถ้าจะสร้างความมั่นใจได้ทุกคนต้องไม่ติดโรค ทั้งคนที่อยู่และคนที่มาเที่ยว ต้องมีวัคซีนร้อยละ70 ของประชากรในพื้นที่ จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ถ้าหากมีคนป่วยสามารถดูแลได้ทันที และมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น มีการตรวจภูมิคุ้มกันให้กับผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว ซึ่งมีความสำคัญและการเตรียมพร้อมทางการแพทย์
“ภูเก็ตต้องใช้การบริหารรูปแบบพิเศษ ไม่ใช่ยังใช้บังคับมาตราการของ ศบค.อยู่ ถ้าคนภูเก็ตทั้งประชาชนและเอกชนร่วมกันบริหารแบบรูปแบบพิเศษ ก็จะทำให้เกิดภูเก็ต sandbox ได้ การจะใช้ภูเก็ต sandbox เป็นต้นแบบ รัฐบาลลงทุนน้อยมาก ที่จะใช้กับจังหวัดอื่นในภูมิภาคต่างๆ เช่น จ.หนองคาย จ.น่าน คือการลงทุนวัคซีน ซึ่งเป็นการลงทุนที่ถูกมาก หากมีวัคซีน เชื่อว่าศักยภาพของแพทย์พยาบาลพร้อมที่จะฉีดให้กับประชาชน ซึ่งถ้านำงบประมาณที่กู้มาไปใช้ลงทุนกับวัคซีนและภาคธุรกิจ จะทำให้ภาคเศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วมาก” นพ.ชลน่าน กล่าว
นพ.ชลน่าน ยังแนะนำให้ตั้งบอร์ดบริหารภูเก็ตในรูปแบบพิเศษ นำเสนอนโยบายที่ดีที่สุดเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเอง แล้ว ส.ส.ในสภาจะช่วยติดตามนโยบายให้ เพราะถ้าหากรอให้รัฐบาลคงช่วยอะไรไม่ได้มาก.-สำนักข่าวไทย