กระบี่ 10 พ.ค.- เตือนภัย หนุ่มเช่ารถเก๋งป้ายแดงจากตำรวจ วันละ 900 บาท ไปถอดอะไหล่ขาย มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท
ด.ต.ศุภชัย กรรมการ ตำรวจผู้บังคับหมู่กองกำกับการสอบสวนภูธรจังหวัด กระบี่ เจ้าของรถเก๋งฮอนด้าซิตี้ สีแดง ป้ายแดงทะเบียน ก 2331 กระบี่ ได้เข้าไปตรวจสภาพความเสียหายของรถยนต์ที่จอดอยู่ภายในศูนย์บริการฮอนด้ามะลิวัลย์กระบี่ อ.เมืองกระบี่
ที่มาของเรื่องเกิดจากนายพิชานัน หรือตั้ม เกียรติโอฬาร อายุ 29 ปี ซึ่งเป็นชาว อ.เมืองกระบี่ ได้เช่ารถของ ด.ต.ศุภชัย ไปเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่กลับนำรถไปจอดที่อู่แห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.2 ต.ทับปริก อ.เมืองกระบี่ เมื่อทราบเรื่องจึงตามไปเอารถคืน แต่ปรากฏว่ารถอยู่ในสภาพห้องเครื่องมีร่องรอยถูกรื้อถอดชิ้นส่วนไปหลายรายการ จึงติดตามตัวนายพิชานัน มาสอบถาม ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าได้รื้อเอาอุปกรณ์ในรถไปจริง จึงแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.เมืองกระบี่ เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะมาตรวจสอบความเสียหายของรถและชิ้นส่วนอะไหล่ที่หายไปเพื่อประเมินควรามเสียหายและแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาลักทรัพย์
เบื้องต้นหัวหน้าช่างประจำศูนย์บริการฯ บอกว่า การถอดอะไหล่รถในลักษณะดังกล่าวตนไม่เคยเจอมาก่อนเพิ่งพบเป็นเคสแรก จากการตรวจสอบสภาพรถในยังพบมีร่องรอยถอดอุปกรณ์ เช่น ท่อไอเสีย และที่ชัดเจนมีชิ้นส่วนถูกถออดออกไป 2 รายการ คือ แผ่นกันความร้อนคอท่อหลังเทอร์โบ 1 ชิ้น และแผ่นกันความร้อนเทอร์โบด้านบน 1 ชิ้น ซึ่งจะเกี่ยวเนื่องกับตัวเทอร์โบ แต่ยังไม่ทันได้ถอดเทอร์โบ นอกจากนี้ยังพบมีการใส่อะไหล่มาไม่ครบ และใส่น็อตไม่ตรงด้วย รวมมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท
ด.ต.ศุภชัย เล่าให้ฟังว่า ตนเปิดบริการให้เช่ารถเป็นอาชีพเสริมในตัวเมืองกระบี่ ก่อนเกิดเหตุ นายพิชานัน ผู้ต้องหาได้โทรศัพท์ติดต่อมาขอเช่ารถ พร้อมระบุเป็นรถฮอนด้าซิตี้ รุ่นใหม่ ป้ายแดง ซึ่งตนมีรถรุ่นดังกล่าวเพิ่งซื้อมาได้ประมาณ 5 เดือน จึงตกลงทำสัญญาเช่าเป็นเวลา 1 วัน ราคา 900 บาท โดยผู้ต้องหานัดคืนรถในเช้าวันที่ 9 พ.ค. และโอนเงินมัดจำมาให้ 2,000 บาท นัดมารับรถที่ ถนนปานุราช เขตเทศบาลเมืองกระบี่ มื่อตรวจสอบรถในสภาพเรียบร้อย นายพิชานันขับรถไปทันที ต่อมาช่วงเย็นตนสังเกตเห็นสัญญาณจีพีเอสที่ติดตัวรถ หยุดนิ่งผิดปกติเป็นเวลา 4-5 ชม. ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ก่อนเคลื่อนรถไปที่อู่รถยนต์แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ม.2 ต.ทับปริก และรถจอดที่อยู่ดังกล่าวตั้งแต่ 4โมงเย็น จนถึงเช้า
ความผิดปกติ คือ สัญญาณจีพีเอสหายไปประมาณ 3 ชม. ตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึง 3 ทุ่ม เมื่อเห็นผิดสังเกต จึงโทรศัพท์ไปสอบถาม นายพิชานันว่าจะคืนรถตามกำหนดหรือไม่ ผู้ต้องหาก็รับปาก ตนจึงถามต่อว่าทำไมมาจอดที่อู่ ผู้ต้องหาตอบว่ามาดูรถที่ซ่อมไว้ ตนจึงกำชับว่าอย่าถอดอะไหล่รถที่ให้เช่า นายพิชานันรับปาก ต่อมาเช้าวันที่ 9 พ.ค. ถึงเวลานัดรับรถคืนแต่ไม่มาตามนัด ตนพยายามโทรติดต่อแต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงตรวจสอบที่อู่ดังกล่าวปรากฏว่าพบรถจอดอยู่ในสภาพไม่ล็อกประตู และเปิดไฟในรถทิ้งไว้ ตัดสัญญานภาพกล่องบันทึก ในรถออก มีร่องรอยการถอดอุปกรณ์ พร้อมพบคราบน้ำมันของเหลว ภายในห้องเครื่อง จึงนำรถมาตรวจสอบที่ศูนย์บริการดังกล่าว เชื่อว่าผู้ต้องหาต้องการจะถอดเทอร์โบแต่ถอดไม่ทัน เชื่อว่านายพิชานันไม่ได้ลงมือเพียงคนเดียว อาจจะมีผู้ร่วมขบวนการ 2-3 คน และทางเจ้าของอู่น่าจะมีส่วนรู้เห็นด้วย ซึ่งหลังจากนี้จะรวบรวมหลักฐานแจ้งความดำดำเนินคดีตามกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย