รัฐสภา 28 เม.ย.-6 พรรคร่วมฝ่ายค้านออกแถลงการณ์ เรียกร้อง “พล.อ.ประยุทธ์” ลาออก ค้านผูกขาดอำนาจ เร่งทำประชามติ แก้รธน.
หัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์พรรคร่วมฝ่ายค้านว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเข้ายึดอำนาจการปกครองและเข้าบริหารราชการแผ่นดิน รวมเวลาที่อยู่ในอำนาจเกือบ 7 ปีเต็ม แต่การบริหารประเทศของพล.ประยุทธ์และคณะรัฐมนตรีกลับล้มเหลวเกือบทุกด้าน สร้างปัญหาและผลกระทบต่อประเทศ และความทุกข์ยากเดือดร้อนแก่ประชาชนในวงกว้าง โดยเฉพาะในสภาวะวิกฤตปัจจุบัน ดังนี้ 1. ล้มเหลวและมีความผิดพลาดในการจัดการการระบาดของโควิด-19 2. ล้มเหลวในการบริหารจัดการด้านเศรษฐกิจ
“3. ล้มเหลวในการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของคนทั้งประเทศ สนับสนุนพวกพ้องทำลายผู้เห็นต่าง สร้างความแตกแยกในสังคมอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน อาศัย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นเครื่องมือและข้ออ้างดำรงไว้ซึ่งผลประโยชน์และอำนาจของตน หลอกลวงประชาชนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อต้องการรักษาอำนาจและต่อท่ออำนาจของตนเองให้ขยายออกไป นอกจากนี้ภายใต้กลไกของรัฐธรรมนูญ ปี 2560 แม้จะมีปัญหาการทุจริตเกิดขึ้นมากมาย แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครเอาผิดได้ จนทำให้การทุจริตคอรัปชั่นในช่วงของรัฐบาลนี้สูงสุดเป็นประวัติการณ์” ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าว
นายสมพงษ์ กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่า ความล้มเหลว ไร้ความสามารถ ไร้ประสิทธิภาพ ทุจริตคอรัปชั่นเพื่อตนเองและพวกพ้อง ไร้ทิศทางในการบริหารราชการแผ่นดินเหล่านี้ ถ้าปล่อยไป รังแต่จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศและประชาชนจนไม่สามารถกอบกู้กลับมาได้ กลายเป็นความเสียหายถาวรต่อประเทศ ประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศที่พ่ายแพ้ต่อโควิด-19 และพ่ายแพ้ด้านเศรษฐกิจอย่างไม่น่าให้อภัย พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงเห็นว่าเพื่อระงับความเสียหายที่จะเกิดขึ้น รัฐบาลจำเป็นต้องยุติบทบาทการบริหารประเทศโดยทันทีด้วยการลาออก เพื่อเปิดโอกาสให้มีรัฐบาลมืออาชีพ มีความรู้ความสามารถ ไม่ยึดติดอยู่กับอำนาจและผลประโยชน์เข้ามาบริหารประเทศ
“รัฐบาลนี้มักใช้อำนาจสั่งการจากบนลงล่าง ไม่เคารพการมีส่วนร่วมของประชาชน สะท้อนให้เห็นผ่านรัฐธรรมนูญปี 2560 และการบริหารราชการแผ่นดินที่ผ่านมา ต้นเหตุมาจากรัฐธรรมนูญที่วาดหวังให้เป็นฐานรองรับเจตนาสืบทอดอำนาจ สร้างขึ้นเพื่อตัวท่านและพวกท่านเท่านั้น พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่าหากเราต้องการก้าวไปสู่ประเทศที่เป็นประชาธิปไตย มีความจำเป็นอย่างยิ่งต้องตัดต้นตอของปัญหา ซึ่งประกอบด้วยรัฐธรรมนูญ 2560 และรัฐบาลที่นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ ด้วยการผลักดันให้ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติให้มีผลบังคับใช้ เพื่อจัดทำประชามติยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับเก่า แล้วจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยประชาชน ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะเกิดขึ้นคู่ขนานไปกับการเดินหน้ายกเลิกอำนาจของวุฒิสภาเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อป้องกันอดีตหัวหน้าคณะรัฐประหารกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นการตัดวงจรสืบทอดอำนาจของระบอบเผด็จการอย่างถาวร” นายสมพงษ์ กล่าว
นายสมพงษ์ กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมกันให้ฝ่ายกฏหมายรวบรวมข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเพื่อดำเนินคดีพล.อ.ประยุทธ์ โดยจะยื่นหนังสือขอให้คณะกรรมการป.ป.ช.ไต่สวนและมีความเห็นกรณีมีพฤติการณ์จงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 53 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยปล่อยปละละเลยไม่ปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ทำให้เชื้อโรคโควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดใหญ่ ประชาชนต้องล้มป่วยและเสียชีวิตจำนวนมากต่อไป พรรคร่วมฝ่ายค้านหวังว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ จึงต้องลาออกจากตำแหน่งสถานเดียว และไม่กระทำการใด ๆ ที่จะเป็นการวางกับดักต่อท่ออำนาจของตนเองต่อไป
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจตนได้ถามเพื่อน ส.ส.ว่าถึงเวลาหรือยังที่ประเทศไทยจะต้องเลือกระหว่างพล.อ.ประยุทธ์หรือประเทศ ถ้าเลือกพล.อ.ประยุทธ์เกรงว่าจะไม่มีประเทศเหลืออยู่ แต่ถ้าเลือกประเทศ พล.อ.ประยุทธ์เป็นสลักแรกที่ต้องถอดออก เชื่อว่าในสถานการณ์วิกฤติที่มีคนบาดเจ็บล้มตายเหมือนใบไม้ร่วงเข้าไปทุกที คำถามที่ตนเคยถามจึงต้องถามให้ดังขึ้น วันนี้รัฐบาลต้องยอมรับความจริงได้แล้วว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่อำนาจหรืองบประมาณไม่พอ แต่เป็นการไร้ความสามารถ ไร้ความจริงใจ ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ยุทธศาสตร์จัดการโควิด-19 ครั้งนี้ ประชาชนต้องเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ หลายคนต้องเสียบุคคลในครอบครัว เสียเวลาทำมาหากิน บุคลากรทางการแพทย์ต้องสูญเสียเวลาและสุขภาพในการใช้ชีวิต
“หัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้าน 6 พรรคไม่สามารถทนได้อีกต่อไป สิ่งที่ประเทศต้องทำในวันนี้ ไม่ใช่การเพิ่มอำนาจให้พล.อ.ประยุทธ์ แต่เป็นการเอาพล.อ.ประยุทธ์ออกจากอำนาจ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ต้องการแสดงความรับผิดชอบต่อการบริหารประเทศ ประชาชนต้องรับกรรม เราต้องขอให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่ง ยุติบทบาทโดยทันที เพื่อเป็นการเปิดโอกาสใหม่ให้ประเทศและรัฐบาลใหม่ที่เป็นมืออาชีพ มีคุณภาพ ยึดโยงกับประชาชนให้เข้ามาบริหารบ้านเมือง รวมทั้งต้องตัดท่ออำนาจ ถอนรากถอนโคน กฎกติการะบบที่ทำให้เกิดรัฐบาลนี้ขึ้น คือรัฐธรรมนูญปี 2560 พรรคก้าวไกลและพรรคฝ่ายค้านขอเรียกร้องให้ทำประชามติ เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเลือกว่าจะทำรัฐธรรมนูญใหม่ที่มาจากประชาชนโดยตรงหรือไม่” นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวว่า พรรคก้าวไกลยืนยันว่าจะไม่รับข้อเสนอการแก้รัฐธรรมนูญใด ๆ จากพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะข้อเสนอของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐที่มีความพยายามสืบทอดอำนาจเผด็จการมาโดยตลอด ถึงเวลา พล.อ.ประยุทธ์ต้องคืนอำนาจสู่มือประชาชน พรรคก้าวไกลขอเสนอโรดแมป 3 ข้อ คือ 1.รัฐบาล ยุติบทบาทและการบริหารประเทศด้วยการลาออก 2. ตั้งรัฐบาลชั่วคราวเพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 และแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ3.ยุบสภาเพื่อให้เกิดการเลือกตั้งทั่วไปโดยเร็ว
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์ไม่สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีหรือแม้แต่รปภ.ก็ไม่เอา โดยให้เวลาพล.อ.ประยุทธ์พิจารณาทบทวนตัวเอง
ส่วนนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า เวลาของพล.อ.ประยุทธ์ในการเป็นผู้นำบริหารประเทศนั้นหมดแล้ว ล่าสุดยังให้ครม.อนุมัติเอาอำนาจในพ.ร.บ.ต่าง ๆ ของแต่ละกระทรวงให้พล.อ.ประยุทธ์ใช้แต่เพียงผู้เดียว ทั้งนี้ อำนาจถ้าอยู่ในมือคนดีก็จะเป็นประโยชน์
“แต่ถ้าเอาอำนาจและกฎหมายมาอยู่ในมือคนโง่ก็ย่อมจะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ผมไม่เห็นด้วยกับการผูกขาดอำนาจและกฎหมายไว้กับคนโง่ แต่ควรกระจายอำนาจ ผมและพรรคฝ่ายค้านขอพลังจากทุกภาคส่วนทั้งภาควิชาการ ภาคประชาสัมคม ในการแสดงออกว่าไม่ต้องการรัฐบาลที่ทำงานล้มเหลว อยากบอกพล.อ.ประยุทธ์ว่ายังมีสิทธิเลือกว่าจะลงแบบดีอย่างที่เราเรียกร้อง แต่ถ้าท่านยังดื้อด้านคิดว่าเก่ง คิดว่าทำอะไรก็ได้ในประเทศนี้ บาปกรรมอันนี้จะเหมือนผู้นำในอดีตที่ต้องลงอย่างทุกข์ทรมาน ไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ท่านอย่าดูถูกอำนาจของประชาชน ถ้าเขาทนไม่ได้ จิตวิญญาณแห่งการเรียกร้อง จิตวิญญาณของประชาชนจะลุกขึ้นยิ่งกว่าเหตุการณ์ 14 ตุลาและพฤษภาทมิฬ อย่าคิดว่าเขาจะกลัวปืนหรือกลัวตำรวจ วันที่เขาทนไม่ได้ เขาจะไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าท่านจะจับเขาเข้าคุกเท่าไหร่ คนที่อยู่ข้างนอกยังจะสู้ต่อไป เพราะความเดือดร้อนมันยังไม่หมด” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว
นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า ตั้งแต่จำความได้ไม่เคยเห็นนายกรัฐมนตรีคนไหนทำประเทศชาติเสียหายแบบนี้มาก่อน ความเลวร้ายของพล.อ.ประยุทธ์ใช้อำนาจปกครองไม่เป็นธรรมเหมือนกับเป็นโจรที่มีอาวุธ รวมถึงไม่มีความน่าเชื่อถือทั้งในประเทศและต่างประเทศตั้งแต่รัฐประหารมาที่สอบตก 100 เปอร์เซ็นต์
“หาก พล.อ.ประยุทธ์ลาออกแล้วกลัวตกงาน ผมแนะนำให้ไปเป็นตลกโลก จะดังแบบมิสเตอร์บีน เพราะพล.อ.ประยุทธ์มีความถนัด ประชาชนและคนทั่วโลกหัวเราะกันทั้งบ้านทั้งเมืองแล้ว” นายสงคราม กล่าว.-สำนักข่าวไทย