ฝ่ายค้านขออย่าดึงดันเร่ง “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์”

รัฐสภา 8 เม.ย.- “ฝ่ายค้าน” ขอ “รัฐบาล” อย่าดึงดันเร่ง “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ขู่ศึกษาให้รอบคอบ หากร่างตก “นายกฯ” ต้องรับผิดชอบ “ยุบสภา-ลาออก” เหตุคุมเสียงรัฐบาลไม่ได้ “ปกรณ์วุฒิ” รับเคยหนุนกฎหมายนี้ แต่ต้องศึกษาให้รัดกุม ซัด “กิตติรัตน์” ไปอ่านหนังสือตรรกะวิบัติ 101 หลังแชร์โพสต์คนค้านกาสิโน เพราะป้องบ่อนเถื่อน


นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ของรัฐบาล ที่จะพิจารณาในสภาพรุ่งนี้(9 เม.ย.) ว่า พรรคประชาชนค่อนข้างชัดเจน ว่าไม่เห็นด้วยกับร่างดังกล่าว เนื่องจากมีความเร่งรีบจนผิดปกติ ทั้งที่แม้ผ่านร่างกฎหมายไป เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่เราอยากเห็นแบบสมบูรณ์แบบกว่าจะเสร็จต้องใช้เวลา 5-6ปี ดังนั้น เหตุใดจึงไม่รออีก 2-3 เดือน เพื่อให้เนื้อหา รายละเอียดรอบคอบกว่านี้ และสิ่งที่รัฐบาลออกมาพูดกลับไปกลับมา ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ ทั้งเรื่องวัตถุประสงค์ที่จะเน้นคนไทยหรือต่างชาติ รวมถึงเรื่องใบอนุญาตว่ามีความโปร่งใสเพียงพอหรือไม่ ที่ให้อำนาจกับกรรมการนโยบายว่าจะให้ใครได้รับใบอนุญาตบ้าง อย่างไรก็ตาม ตนทราบดีว่าตอนที่หาเสียง อดีตพรรคก้าวไกลเคยมีเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นหนึ่งในนโยบาย แต่ต้องชี้แจงว่าสิ่งที่เราเสนอ ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขการพิจารณอย่างรอบคอบ

สำหรับร่างกฎหมายฉบับนี้ หากไม่ผ่านสภา นายกรัฐมนตรีต้องแสดงความรับผิดชอบอย่างไรนั้น นายปกรณ์วุฒิ กล่าววา โดยธรรมเนียมทางการเมือง หากร่างกฎหมายถูกส่งมาจากครม.แล้วไม่ผ่าน นายกรัฐมนตรีจะต้องลาออกหรือยุบสภา เพราะแสดงว่าไม่สามารถคุมเสียงของรัฐบาลได้


ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าพรรคการเมืองใดในพรรคร่วมรัฐบาลไม่เห็นด้วยก็ถอนตัวออกไป จะมองได้หรือไม่ว่ามีคนนอกเข้ามาครอบงำรัฐบาล นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ต้องให้ความเป็นธรรม เพราะไม่ทราบว่านายทักษิณพูดอย่างนั้นจริงหรือไม่

ส่วนกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ถือว่าเป็นกฎหมายการเงินหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า การตีความอยู่ที่คณะกรรมาธิการ ทั้ง 35 คณะ ซึ่งคิดว่าคงเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการเงิน เพราะใช้งบประมาณสูง

เมื่อถามย้ำว่าถ้าเป็นกฎหมายการเงิน ถ้าไม่ผ่านสภา นายกรัฐมนตรีจะต้องไปใช่หรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า โดยธรรมเนียมทางการเมืองจริงๆไม่ได้นับว่าเป็นกฎหมายการเงินอะไร แต่หากคณะรัฐมนตรีเสนอร่างกฎหมายมา แต่พรรคร่วมรัฐบาลไม่เห็นชอบและแพ้เสียงข้างมากในสภา มันก็สะท้อนว่ารัฐบาลไม่มีเสถียรภาพเพียงพอในการที่จะบริหารประเทศต่อไปได้


เมื่อถามย้ำว่าเสียงของฝ่ายค้านยังมีหวัง เพราะพรรคประชาชาติและพรรคร่วมรัฐบาลอื่น อาจจะไม่อาจจะไม่โหวตให้ใช่หรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ก็ขอรอดูว่าจะมีพรรคร่วมรัฐบาลใดบ้าง เพราะได้ยินมาว่าบางพรรคก็ไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีการต่อรองใดๆหรือไม่ ในการลงมติให้ผ่านกฎหมายฉบับนี้ แต่ยอมรับตรงๆว่าเสียงของพรรคร่วมฝ่ายค้านห่างจากเสียงของรัฐบาลอยู่พอสมควร

ส่วนที่มีเสียงสะท้อนคัดค้านจากภายนอกอีกมาก จะทำให้เกิดความวุ่นวายหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนไม่ได้กังวลเรื่องความวุ่นวาย แต่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้รัฐบาลกลับมาคิดได้แล้ว ว่าเราจำเป็นต้องเร่งรีบให้ร่าง พ.ร.บ. ผ่านวาระแรกในวันพรุ่งนี้ก่อนปิดสมัยประชุมจริงๆหรือ ในเมื่อเสียงสะท้อนจากสังคมข้างนอก ซึ่งแม้ตนจะตัดสินไม่ได้ว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่ แต่อยู่ที่ว่ารัฐบาลจะฟังเสียงข้างน้อยที่ออกมาเรียกร้องมากแค่ไหน และจะกลับไปพิจารณา อธิบายให้กลุ่มที่ไม่เห็นด้วยให้เข้าใจถึงเหตุผลว่าไม่เป็นอย่างที่เข้าใจอย่างไร กระแสต่อต้านก็จะน้อยลง แต่แทนที่รัฐบาลจะทำอย่างนั้น กลับเร่งรีบใช้เสียงข้างมากในสภาเพื่อกลบเสียงข้างนอก ซึ่งตนต้องบอกว่าหลายครั้งไม่ได้ผล และบางครั้งอาจจะทำให้เสียงข้างนอกดังขึ้นด้วยซ้ำ จึงอยากขอให้รัฐบาลรอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่มีการต่อต้านแบบรุนแรงจากสังคมด้วย

สำหรับกรณีที่พรุ่งนี้จะมีม็อบมาคัดค้าน จะซ้ำรอยกับอดีตในอดีตหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนขอกลับมาตั้งต้นว่าการชุมนุมเป็นสิทธิโดยชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญของประชาชนทุกคนโดยปราศจากความรุนแรง ส่วนจะนำพาไปสู่อะไร ตนคิดว่ารัฐบาลคงต้องคิดก่อนว่าสิ่งที่ประชาชนเรียกร้องและต่อต้านมีเหตุผลเพียงพอหรือไม่ ซึ่งตนก็ไม่อยากให้เกิดความวุ่นวาย แต่ก็ควรต้องรับฟังเสียงจากทุกกลุ่มที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

เมื่อถามว่านายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ออกมาแชร์โพสต์ตอบโต้ว่าส่วนที่ออกมาคัดค้านนั้น เขาต้องการปกป้องบ่อนเถื่อนหรือไม่ ถือเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นหรือไม่ สำหรับการผลักดันของรัฐบาล นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนอยากขอให้ท่านไปอ่านหนังสือตรรกะวิบัติ 101 ว่าสิ่งที่พูดออกมาเป็นตรรกะหรือไม่

นายปกรณ์วุฒิ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีสำนักข่าวหนึ่งได้เอาคลิปการอภิปรายของนายปกรณ์วุฒิไปลงว่าจะดันเรื่องนี้สุดตัวว่า ตนเคยอภิปรายเรื่องนี้ไป 2 ครั้ง และแน่นอนว่าไม่ได้คัดค้านนโยบายนี้ แต่สิ่งที่ตนพูดชัดเจนคือหากจะทำต้องศึกษาผลกระทบเชิงลึก ซึ่งเชื่อว่าเกิดขึ้นแน่นอน อย่างน้อย เรื่องการป้องกันการฟอกเงิน ต้องศึกษาให้แน่ชัดถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจว่าเป็นจริงได้หรือไม่ ซึ่งจากผลการศึกษา ก็ยังมีข้อสงสัยว่าธุรกิจกาสิโน มันเป็น Sunset หรือยัง และผู้เล่นหน้าใหม่โดยเรา จะสมควรเข้าไปเล่นหรือไม่ โดยตอนนี้ยังไม่มีการศึกษาอย่างรอบคอบจากรัฐบาลออกมาเลย จึงมองว่าสื่อมวลชนที่มีจรรยาบรรณไม่ควรทำเช่นนี้ ตัดตอนบางส่วนมาเผยแพร่ และขอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศิริโชค” เชื่อรถถูกเผาโยงการเมือง ตร.เร่งหาเบาะแสคนร้าย

6 ก.ค.- “ศิริโชค” ฟันธงเหตุรถยนต์ถูกลอบวางเพลิงมาจากเรื่องการเมือง ด้านตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้าย ส่วนบริษัทเจ้าของรถออกหนังสือชี้แจงสาเหตุไฟไหม้ ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้ รถ GWM HAVAL H6 PHEV ของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อช่วงตี 3 วานนี้ (5ก.ค.68) ทำให้รถเสียหายทั้งคันและได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.นาทวี เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นความบกพร่องของรถหรือลอบวางเพลิง ล่าสุดในทางคดีมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า เป็นการจงใจลอบวางเพลิง โดยหลังจากที่วานนี้ พนักงานสอบสวน สภ.นาทวี และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์คันนี้ ปรากฏว่าพบมียางรถยนต์จำนวน 6 เส้นถูกเผาเหลือแต่เส้นใยเหล็ก พร้อมด้วยตับสิเหรงที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟเพื่อทำการเผารถยนต์คันนี้อยู่บริเวณใต้ท้องรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุหรือความบกพร่องของรถแต่อย่างใด ด้านนายศิริโชค เปิดเผยว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการวางเพลิงโดยใช้ยางรถยนต์ ตับสิเหรง และใช้น้ำมันเบนซินราด จากที่ตนสังเกตแม้ว่าทางศูนย์หลักฐานจะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ว่าดูจากรูปการแล้วพุ่งเป้าไปที่คนวางเพลิง ไม่ใช่ความบกพร่องของรถ แต่มีความตั้งใจที่จะให้เป็นความบกพร่องของรถเพราะเป็นรถไฟฟ้า แต่สุดท้ายจากหลักฐานที่พบบ่งชี้ไปที่การวางเพลิง มองว่ามาจากเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องการสร้างสถานการณ์ด้านความมั่นคงหรือเรื่องส่วนตัว เพราะตนไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครไม่ได้ทำธุรกิจในพื้นที่ ไม่มีเรื่องชู้สาว สิ่งที่เดียวที่มีคือการเป็นนักการเมือง […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดดังพิษณุโลก ย่องลาสิกขา หลังพัวพันข่าวดัง

พิษณุโลก 6 ก.ค.- “พระ ส.” เจ้าอาวาสวัดดัง จ.พิษณุโลก ย่องลาสิกขาเงียบ หลังพัวพันข่าวดัง ขณะทางวัดยังไม่แถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลาสิกขาอย่างเงียบ ๆ โดย พระครูวิโรจน์ธรรมากร เจ้าอาวาสวัดกรุงกรัก เจ้าคณะตำบลท่านางงาม เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางระกำ เป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้พระ ส. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสามีคนแรกของหญิงสาวที่รู้จักในฉายา “น้องดอกไม้” หรือสีกา ก. และยิ่งได้รับความสนใจเมื่อมีข้อมูลระบุว่า น้องดอกไม้มีบุตรสาววัย 13 ปี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของพระ ส. ขณะทางวัดยังไม่มีการออกแถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุของการลาสิกขา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและศาสนา -สำนักข่าวไทย

น้ำโขงใกล้แตะ 9 เมตร สทนช.เตือนเฝ้าระวัง

บึงกาฬ 6 ก.ค.- “แม่น้ำโขง” ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ใกล้แตะ 9 เมตร สทนช. เตือนเฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง ที่จังหวัดบึงกาฬ เกิดฝนตกติดต่อกันกว่า 2 สัปดาห์ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและ สปป ลาว ตอนบน ประกอบกับ สปป ลาว มีฝนตกลงอย่างต่อเนื่อง และมีมวลน้ำเหนือจากจังหวัดเลย จังหวัดหนองคาย ไหลลงมาสมทบ ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเช้าวันนี้ จุดวัดระดับน้ำบ้านพันลำ วัดได้ 8.60 เมตร เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 30 เซนติเมตร แต่ยังอยู่ในระดับปกติ ส่วนที่ประตูระบายน้ำ ข้างสำนักงาน ตม.บึงกาฬ เจ้าหน้าทีเทศบาลได้เปิดประตูระบายน้ำ เพื่อให้น้ำที่สะสมตามท่อระบายน้ำต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองไหลลงสู่แม่น้ำโขง เช่นเดียวกับบริเวณด่านพรมแดนศุลกากร เรือโดยสารขนส่งสินค้าและเรือขนส่งผู้โดยสารไทย-ลาว ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือ เนื่องจากน้ำโขงไหลแรงและมีเศษวัชพืช เศษขยะไหลมากับสายน้ำ พร้อมขยับปรับระดับโป๊ะเทียบท่าให้อยู่ในระดับพอดี และผูกเชือกมัดโยงให้แน่นหนาเพื่อความปลอดภัย ขณะที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม […]