นนทบุรี 25 เม.ย. – ก.พาณิชย์ ยืนยันมีมาตรการช่วยเหลือชาวนา พร้อมเดินหน้าโครงการประกันรายได้เกษตรกร
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากที่มีข้อร้องเรียนของชาวนาที่ จ.กาฬสินธุ์ ว่ากำลังประสบความเดือดร้อนจากภาวะราคาข้าวเปลือกนาปรังตกต่ำนั้น กระทรวงพาณิชย์ ขอชี้แจงว่า สำหรับข้าวที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวในช่วงนี้เป็นข้าวนาปรัง ซึ่งเป็นการเพาะปลูกในรอบที่ 2 ของเกษตรกรในบางพื้นที่ ซึ่งจะมีปริมาณข้าวเปลือกประมาณ 4.9 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 16 ของปริมาณข้าวเปลือกทั้งหมด และจากการตรวจสอบกรณีข้อร้องเรียนของเกษตรกรที่จำหน่ายข้าวเปลือกนาปรังได้ที่ตันละ 6,700-6,800 บาท สำนักงานพาณิชย์จังหวัดได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงการซื้อขายในพื้นที่ พบว่า การเพาะปลูกข้าวเหนียวนาปรังเป็นข้าวเกี่ยวสดที่มีความชื้น และเกษตรกรส่วนใหญ่จะเพาะปลูกพันธุ์ข้าวนาปรัง เช่น กข 22 ซึ่งเป็นข้าวเหนียวพื้นแข็ง เมื่อสีแปรสภาพจะได้ต้นข้าวน้อย ประกอบกับพบปัญหาด้านคุณภาพข้าวบางส่วนได้รับน้ำไม่ทั่วถึงเพียงพอ เนื่องจากน้ำในเขื่อนมีน้อย และพบข้าววัชพืชปะปนจากรถเกี่ยวนวด (สีเข้มมีหาง) โดยในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ พบว่า มีพื้นที่เพาะปลูกข้าวเปลือกนาปรังประมาณ 190,000 ไร่ ผลผลิตประมาณ 100,000 ตัน ออกสู่ตลาดแล้วกว่า 70% มีแหล่งเพาะปลูกข้าวเปลือกนาปรัง บริเวณเขื่อนลำปาว ซึ่งพี่น้องเกษตรกรจะเพาะปลูกข้าวเปลือกเหนียวในบริเวณนี้เป็นหลัก
ทั้งนี้ รัฐบาลได้มีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 โดยได้ดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกร ปี 2563/64 (รอบ 2) ซึ่งเป็นการช่วยเหลือต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยได้จัดสรรงบประมาณ วงเงิน 49,509.81 ล้านบาท สำหรับการประกันรายได้ และช่วยเหลือค่าบริหารจัดการและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้เกษตรกรอีกไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ วงเงิน 56,095.63 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ราคาข้าวเปลือก พบว่าอยู่ในช่วงชะลอตัว ทั้งการส่งออกและการบริโภคภายในประเทศ จากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลให้ราคาข้าวปรับตัวลดลง โดยข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว (กข 6) ความชื้นไม่เกิน 15% ราคาตันละ 10,300-10,800 บาท (เกี่ยวสดตันละ 7,800-8,400 บาท) ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา ซึ่งมีราคาอยู่ที่ตันละ 11,000-11,500 บาท (เกี่ยวสดตันละ 8,500-8,900 บาท) ข้าวเปลือกเหนียวคละ ความชื้นไม่เกิน 15% ราคาตันละ 9,500-10,500 บาท (เกี่ยวสดตันละ 7,300-8,100 บาท) ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา ซึ่งมีราคาอยู่ที่ตันละ 10,000-11,000 บาท (เกี่ยวสดตันละ 7,700-8,500 บาท) ทั้งนี้ แม้ว่าราคาข้าวเปลือกนาปรังจะมีการปรับลดลง แต่ยังคงสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับราคาข้าวเปลือกเหนียวในช่วงการผลิตนาปีรอบแรก ซึ่งในช่วงเดือนต้นฤดูกาล ตุลาคม 2564 มีราคาข้าวเปลือกความชื้นไม่เกิน 15% อยู่ที่ประมาณตันละ 9,500-10,000 บาท ซึ่งเกษตรกรที่เพาะปลูกข้าวเหนียวได้รับชดเชยส่วนต่างตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวไปแล้ว
ทั้งนี้ กรมการค้าภายใน ได้กำชับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดให้กำกับดูแลตรวจสอบเครื่องชั่งเครื่องวัดความชื้น รวมทั้งการซื้อขายข้าวเปลือก ให้มีการรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรเป็นไปตามคุณภาพอย่างแท้จริง หากเกษตรกรพบการเอารัดเอาเปรียบ สามารถแจ้งได้ผ่านสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ทั้งนี้ กรมการค้าภายในจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีความจำเป็นจะดำเนินการเชื่อมโยงตลาด โดยให้โรงสีนอกพื้นที่เข้าไปรับซื้อผ่านสหกรณ์การเกษตร เพื่อกระตุ้นการซื้อขายและเกิดการแข่งขันด้านราคาให้เป็นไปตามคุณภาพข้าวอย่างแท้จริง เช่นเดียวกับที่ได้ดำเนินการกับข้าวเปลือกเหนียวนาปี ในรอบที่ 1 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา. – สำนักข่าวไทย