คุมเข้มสงกรานต์วันที่ 4 เมาขับถูกจับคุมประพฤติพุ่ง 2,084 คดี

กทม 14 เม.ย.- อธิบดีกรมคุมประพฤติ เผยสถิติคดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติวันที่ 4 สำหรับยอดสะสมสถิติคดีที่ศาลสั่งคุมประพฤติ พบคดีขับรถในขณะเมาสุราพุ่งสูงถึง 2,084 คดี


นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า สถิติคดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติวันที่ 4 ของการคุมเข้มในวันสงกรานต์ (13 เมษายน 2564) ซึ่งศาลปิดทำการหลายพื้นที่ ทำให้สถิติคดีเข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติ เพียง 160 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถในขณะเมาสุรา 159 คดี คิดเป็นร้อยละ 99.38 คดีขับเสพ 1 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.62 

ในส่วนของการติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว หรือกำไล EM กับผู้กระทำผิดเมาแล้วขับไม่มีเพิ่มเติม ยังคงตัวเลขสะสม 4 วันอยู่ที่  8 ราย โดยมีเงื่อนไขห้ามออกจากที่พักอาศัย ในช่วงเวลาตั้งแต่ 22.00 น. – 04.00 น. เป็นระยะเวลา 15 วัน ทั้งนี้ สำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศเฝ้าติดตามและควบคุมดูแลผู้กระทำผิดตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านศูนย์ควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว  (Electronic Monitoring Control Center – EMCC) พร้อมประสานเครือข่ายภาคประชาชน อาสาสมัครคุมประพฤติ เตรียมพร้อมลงพื้นที่หากมีการผิดเงื่อนไขคุมความประพฤติ 


สำหรับยอดสะสมสถิติคดีที่ศาลสั่งคุมประพฤติในช่วง 4 วันที่มีการควบคุมเข้มงวด (10-13 เมษายน 2564) มีจำนวนทั้งสิ้น 2,095 คดี จำแนกเป็น

– คดีขับรถในขณะเมาสุรา 2,084 คดี  คิดเป็นร้อยละ 99.47 

– คดีขับเสพ 11 คดี  คิดเป็นร้อยละ  0.53


 จังหวัดที่มีสถิติคดีขับรถขณะเมาสุราสะสมสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ อันดับ 1 ยังคงเป็นจังหวัดสมุทรปราการ  154 คดี อันดับสอง จังหวัดบุรีรัมย์ 144 คดี และ อันดับสาม จังหวัดชัยภูมิ 140 คดี

อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวต่อว่า สำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาสาสมัครคุมประพฤติ ภาคีเครือข่าย และผู้ถูกคุมความประพฤติ ลงพื้นที่ช่วยเหลือสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ณ ด่านชุมชน ด่านตรวจค้น และจุดบริการประชาชนบนถนนสายรอง จำนวน 82 จุด มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม 442 คน ร่วมกันแจกน้ำดื่ม ทำความสะอาด ตรวจวัดอุณหภูมิ เฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ใช้รถ ใช้ถนนอย่างปลอดภัย นอกจากนี้สำนักงานคุมประพฤติได้จัดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในสำนักงานคุมประพฤติช่วงวันหยุดยาว เพื่อให้คำแนะนำด้านกฎหมาย บริการและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนได้อย่างรวดเร็ว.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง