ทำเนียบรัฐบาล 25 มี.ค.- “พล.อ.ประวิตร” สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนบริหารจัดการน้ำให้พอเพียง ย้ำแล้งนี้ประชาชนต้องมีน้ำเพียงพอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00น.วันนี้ (25 มี.ค.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ครั้งที่ 1/2564 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุม 301 ชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล
พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการติดตามผลดำเนินการ 9 มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี 2563/64 พบว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการส่งผลให้ปัจจุบันยังไม่มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) แต่อย่างใด ซึ่งในอีกประมาณ 1 เดือนจากนี้ได้เน้นย้ำทุกหน่วยงานยังต้องติดตามเฝ้าระวัง เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนที่อาจจะมีความเสี่ยงขาดแคลนน้ำได้ในพื้นที่เป้าหมายที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะเรื่องน้ำอุปโภค-บริโภค แต่ก็มั่นใจว่ามาตรการต่างๆ ที่ดำเนินการในเชิงป้องกันสามารถบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชนในช่วงปลายฤดูแล้งได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ ยังต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชน โดยเฉพาะการใช้น้ำทุกภาคส่วนให้เกิดประโยชน์สูงสุด และปลูกพืชฤดูแล้งให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับน้ำต้นทุนต้นฤดูฝนเพื่อเริ่มต้นการเพาะปลูกข้าวนาปีได้ตามแผน
“ปัจจุบันพบว่า มีการจัดสรรน้ำจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และเพาะปลูกข้าวรอบที่ 2 เกินแผนมาก โดยเฉพาะในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ทำให้การจัดสรรน้ำไม่เป็นไปตามแผน ที่ประชุมจึงได้มอบหมายให้กรมชลประทานควบคุมการจัดสรรน้ำและการลำเลียงน้ำจากอ่างฯ ให้เป็นไปตามแผนอย่างเคร่งครัด และมอบหมายกระทรวงเกษตรฯ กำหนดหลักเกณฑ์และมาตรการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปลูกพืชให้สอดคล้องกับสภาพน้ำต้นทุนเพื่อลดการใช้น้ำในระดับตำบล และจัดทำแนวทางการขับเคลื่อน (RoadMap) ให้เป็นรูปธรรมด้วย”พล.อ.ประวิตร กล่าว
ด้านนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการ สทนช. กล่าวว่าที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบการวางแผนการจัดสรรน้ำและการเพาะปลูกฤดูฝนปีนี้ และ 9 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2564 โดยมอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบและกรอบระยะเวลาดำเนินงานที่ชัดเจน อาทิ การคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและฝนทิ้งช่วง การบริหารจัดการพื้นที่ลุ่มน้ำเพื่อใช้รองรับน้ำหลาก ทบทวน ปรับปรุงเกณฑ์บริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำขนาดใหญ่-กลางและเขื่อนระบายน้ำ ปรับปรุงแก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ ขุดลอกคูคลอง กำจัดผักตบชวา เตรียมความพร้อมเครื่องมือในการให้ความช่วยเหลือ เป็นต้น โดยจะเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบโดยเร็วก่อนเข้าสู่ฤดูฝน เพื่อมอบหมายหน่วยงานนำมาตรการต่างๆ ไปจัดทำแผนปฏิบัติการต่อไป นายสมเกียรติ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบแผนปฏิบัติการพัฒนาฟื้นฟูสภาพแวดล้อมคลองแสนแสบ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเร่งดำเนินการ แบ่งเป็น ระยะเร่งด่วน ปี 2564 ระยะกลาง ปี 2565-2570 และระยะยาว ตั้งแต่ปี 2571 เป็นต้นไป ตามกรอบการดำเนินงานแผนปฎิบัติการฯ รวมทั้งสิ้น 84 โครงการ โดยมี 5 เป้าหมายหลัก คือ 1.การเสริมสร้างความปลอดภัยในการสัญจรทางน้ำของประชาชน 2.การปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์บริเวณคลองแสนแสบ 3.การแก้ไขปัญหามลภาวะและคุณภาพน้ำในคลองแสนแสบ 4.การป้องกันปราบปราม การบุกรุกทำลายทรัพยากรในคลองแสนแสบ และ 5.การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในคลองแสนแสบ รวมถึงยังเห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำแนวทางการแก้ไขปัญหาการรุกตัวของน้ำเค็ม น้ำท่วมและน้ำแล้งในลุ่มน้ำติดอ่าวไทย เพื่อศึกษา วิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาการรุกตัวน้ำเค็ม น้ำท่วม น้ำแล้งพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ซึ่งครอบคลุม 4 ลุ่มน้ำ ได้แก่ ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ลุ่มน้ำท่าจีน ลุ่มน้ำบางปะกงตอนล่าง และลุ่มน้ำแม่กลองตอนล่าง และทบทวนแนวทางการแก้ไขในปัจจุบัน มาตรการแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วน และระยะยาว. สำนักข่าวไทย