กรุงเทพฯ 24 มี.ค.-ภาครัฐและเอกชนร่วมมือแก้อุปสรรคค้าข้าวไทยหวังดันข้าวไทยให้ปีนี้ส่งออกได้ไม่ต่ำกว่า 6 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมเดินหน้าฟื้นกรอบข้าวจีทูจีหลายประเทศแบบระยะยาว
นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ว่า ในการประชุมครั้งนี้ ได้จัดให้ทูตพาณิชย์ ในต่างประเทศที่มีการนำเข้าข้าวไทย พาณิชย์จังหวัดร่วมประชุมผ่านระบบประชุมทางไกล ด้วย โดยเป็นการประชุมร่วมกันครั้งแรกเพื่อกำหนดเป้าหมายส่งออกปีนี้ 6 ล้านตัน มูลค่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากปีที่แล้วส่งออกได้ 5.7 ล้านตัน ซึ่งจะเน้น 3 ระดับ คือ พรีเมียม ที่จะส่งออกข้าวหอมมะลิ ที่ต้องเป็นบวกจากปีก่อน ร้อยละ 4.8 ข้าวหอมร้อยละ 5.2 ตลาดทั่วไป เน้นข้าวขาว บวกร้อยละ 4.7 ข้าวนึ่งบวกร้อยละ 4.9 และตลาดเฉพาะ เน้นข้าวเหนียว บวกร้อยละ3.6 ส่วนข้าวกล้องและข้าวสีบวกร้อยละ 12.5
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้ประเมินแนวทางเพื่อส่งออกข้าวในปีนี้ไว้ 6 มาตรการ คือ 1. กระทรวงพาณิชย์จะจับมือกับสมาคมฯ เพื่อประชาสัมพันธ์ข้าวไทยด้วยการส่งเสริมภาพลักษณ์ข้าวไทยภายใต้แนวคิด” Think rice Think Thailand” โดยให้หน่วยงานทั้งทูตพาณิชย์และพาณิชย์จังหวัดประชาสัมพันธ์ในแนวทางเดียวกัน 2.เร่งรัดการเปิดตลาดการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจี ในเชิงรุก ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์จัดทำข้อตกลงร่วมกัน(เอ็มโอยู) กับอินโดนีเซีย เพื่อเปิดตลาดข้าวอินโดนิเซีย 4 ปีจำนวนไม่เกิน 4,000,000 ตัน อีกตลาดคือตลาดบังกลาเทศ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในการทำเอ็มโอยูกับบังคลาเทศ 5 ปี 5 ล้านตัน ตลาดอิรักซึ่งเป็นตลาดที่ไทยประสบปัญหาหลายปีที่ผ่านมาเพราะผู้ส่งออกข้าวไทยรายหนึ่งส่งข้าวด้อยคุณภาพไปทำให้อิรักแบนข้าวไทยเป็นเวลาหลายปี ขณะนี้ประสบความสำเร็จแล้วอิรักเปิดโอกาสให้ประเทศไทยสามารถเข้าไปประมูลขายข้าวในอิรักได้แล้ว แต่ยังติดเรื่องความเข้าใจมาตรฐานข้าวขาว 100% ข้าวของไทยคือข้าว 5% ซึ่งจะต้องมีการทำความเข้าใจ และการส่งข้าวไปยังอิรัก ต้องมีเอกสารรับรองจากสถานทูตอิรักประจำประเทศไทย ขณะนี้ไทยไม่มีสถานทูตอิรักประจำประเทศไทย จะมีการเจรจาขอปรับเงื่อนไขลดอุปสรรค ตลาดที่4 คือตลาดจีนที่ได้ทำเอ็มโอยูในอดีตและจีนยังมีภาระตามเอ็มโอยูที่ต้องนำเข้าข้าวเก่าอีก 300,000 ตัน ตกค้างต้องเดินหน้าต่อไป
3. ในการเจรจาเพื่อส่งออกข้าวจะเน้นการเจรจาเพื่อขอลดภาษีนำเข้า ด้วยการใช้ประโยชน์จากการเปิดเสรีทางการค้า(เอฟทีเอ) กับประเทศต่าง ๆ เช่น เม็กซิโก สหภาพยุโรป (อียู) และสหราชอาณาจักร (ยูเค) 4. จับมือกับหน่วยงานต่าง ๆเพื่อลดต้นทุนการส่งออกข้าวให้ผู้ส่งออก เช่น ค่าระวางเรือ เป็นต้น 5.เร่งรัดขยายช่องทางการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ 6. สมาคมฯจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำการวิจัย พัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่ ๆ ทั้ง 3 กลุ่ม คือ ข้าวพื้นนุ่ม พื้นแข็ง ข้าวหอม ด้วยการจัดประกวดพันธุ์ข้าวดังกล่าว และนำไปสู่การส่งเสริมให้มีการส่งออกข้าวทั้ง 3 สายพันธุ์ให้มากขึ้น เพื่อสนองความต้องการของตลาดต่างประเทศ โดย ทั้ง 6 มาตรการดังกล่าวใหนำไปสู่กรอบประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและะเอกชนด้านการพาณิชย์ ( กรอ.พาณิชย์) เพื่อติดตามความคืบหน้าในการดำเนินงานต่อไป
ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า หากจะส่งออกข้าวให้ได้ 6 ล้านตัน ไทยต้องส่งออกข้าวให้ได้เดือนละ 500,000 ตัน แต่จากการติดตามสถานการณ์การส่งออกพบว่าไทยส่งออกข้าว 2 เดือนแรกรวมกันได้กว่า 400,000 ตัน ซึ่งเกิดจากราคาข้าวไทยสูงกว่าราคาข้าวของคู่แข่ง สาเหตุหนึ่งเกิดจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ปริมาณข้าวน้อยกว่าปกติที่เกิดจากภัยแล้ง แต่โดยภาพรวมขณะนี้ เชื่อว่าจากหลายประเทศทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดกันได้มากขึ้น น่าจะส่งผลดีทำให้ภาพรวมรวมเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น เห็นได้ชัดการส่งออกของไทยเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นมาหลายเดือนแล้วและโอกาสที่การส่งออกข้าวไทยก็น่าจะกลับมาดีขึ้นได้แน่นอน.-สำนักข่าวไทย