เวชศาสตร์เขตร้อน 22 มี.ค.- สธ.-อภ.ร่วมกับ อว.แถลงความคืบหน้าการศึกษาวิจัยวัคซีนโควิด ชนิดเชื้อตายในอาสาสมัคร โดยเริ่มฉีดในอาสาสมัคร 18 คน คาดทดลองในระยะ 1/2 เสร็จสิ้นปลายปีนี้ เพื่อคัดเลือกสูตรและขนาด วัคซีนที่ดีที่สุด ก่อนทดลองในระยะ 3 ต่อไป
ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (รมว.อว.) นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข , นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล นายแพทย์วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม ศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ นายแพทย์บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกันแถลงข่าววัคซีนโควิด 19 ชนิดเชื้อตายขององค์การเภสัชกรรม เริ่มวิจัยในมนุษย์ระยะที่ 1/2
พร้อมชมการฉีดวัคซีนเข็มแรกในอาสาสมัคร โดยแพทย์หญิงพรรณี ปิติสุทธิธรรม ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านการทดสอบวัคซีนและหัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์เขตร้อน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน ได้นำแขก ผู้มีเกียรติชมการฉีดวัคซีนโควิด19 ในอาสาสมัคร ซึ่งเป็นการทดลองในมนุษย์ระยะที่ 1 และ2 เริ่มทดลองกลุ่มแรก 18 คน
และในวันนี้(21มี.ค.)ได้ฉีดในอาสาสมัคร 4 คน แบ่งเป็นช่วงเช้า 2 คน และช่วงบ่าย 2 คน โดยก่อนฉีดในอาสาสมัครมีการคัดเลือกตามเกณฑ์ต่างๆ อาทิ ไม่เคยป่วยโควิด19 ไม่ตั้งครรภ์ ฯลฯ โดยเมื่อฉีดวัคซีนแล้ว 30 นาทีแรกจะตรวจอาการข้างเคียง 1 รอบก่อน จากนั้นสังเกตอาการอีก 4 ชั่วโมงก่อนกลับบ้าน โดยการศึกษาทดลองครั้งนี้เพื่อมุ่งคัดเลือกวัคซีนเพียงสูตรเดียวที่เหมาะสม เพื่อทำการศึกษาวิจัยในระยะ 3
ทั้งนี้ การศึกษาวิจัยวัคซีน จะแบ่งออกเป็น 2 ระยะที่ 1 จำนวน 210 คน อายุ 18-59 ปี แบ่งการศึกษาออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกทดลองฉีดในอาสาสมัคร 18 คน ก่อน (22 มี.ค.) ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนที่มีขนาดต่ำที่สุดก่อน และจากนั้นจะค่อยๆ เพิ่มขนาด ส่วนที่ 2 จะศึกษาในอาสาสมัคร 192 คนเพื่อวิเคราะห์ข้อมูล เลือกขนาด เลือกสูตรวัคซีนวิจัย 2 สูตร นำไปวิจัยต่อในระยะที่2 ที่คาดว่าจะเริ่มทดลองเดือนกรกฎาคม ในอาสาสมัคร 250 คน อายุ ระหว่าง 18-75 ปีคาดว่าจะทราบผลในปลายปีนี้
สำหรับการพัฒนาและศึกษาวิจัยวัคซีนโควิดชนิดเชื้อตายนี้ เป็นการนำไวรัสนิวคาสเซิลมาตกแต่งพันธุกรรมให้โปรตีนส่วนหนามของไวรัสโควิด เพื่อให้มีความปลอดภัยไม่ก่อโรค และยังเพิ่มจำนวนในไข่ไก่ฟัก ถือเป็นการศึกษาวิจัยวัคซีนในคนไทยเพื่อคนไทย เพื่อความมั่นคงของประเทศในอนาคต. .-สำนักข่าวไทย