วิสามัญแกนนำ RKK คนสำคัญ หมายจับ 5 หมาย

ปัตตานี 20 มี.ค.-ปะทะเดือดปัตตานี เจ้าหน้าที่วิสามัญแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบระดับปฏิบัติการคนสำคัญ เสียชีวิต 1 ราย หลังยิงต่อสู้ ตรวจสอบพบมีหมายจับติดตัว 5 หมาย


ผู้สื่อข่าวปัตตานีรายงานเมื่อคืน (21.30 น.) ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งเหตุยิงปะทะ มีคนร้ายเสียชีวิต 1 ราย หลังได้รับแจ้งจึงรีบสนธิกำลังไปที่เกิดเหตุ ไปถึงพบว่าที่เกิดเหตุเป็นจุดตรวจชั่วคราว และพบเจ้าหน้าที่ทหารพราน 4416 จำนวน 7 นาย กำลังคุมพื้นที่เกิดเหตุ หลังจากการปะทะ เจ้าหน้าที่ได้ปิดเส้นทางดังกล่าวเป็นการชั่วคราวเพื่อตรวจสอบและรวบรวมวัตถุพยาน และจากการตรวจสอบพบ คนร้ายถูกวิสามัญเสียชีวิต 1 ราย อยู่บริเวณป่า ห่างจากถนนประมาณ 100 เมตร ทราบชื่อ นายสมันดี สะนิ อายุ 36 ปี ถูกกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่จากการปะทะเข้า บริเวณลำตัวหลายนัด นอกจากนี้ยังพบอาวุธ ขนาด 9 มม. ตกอยู่บริเวณมือข้างขวาและเป้สนาม 1 ใบ ภายในบรรจุเสื้อผ้า เปลนอนและอุปกรณ์สนาม นอกจากนี้ยังพบปลอกกระสุนปืนของคนร้ายกว่า 10 ปลอก เจ้าหน้าที่ได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน

สอบสวนก่อนเกิดเหตุทราบว่าขณะที่ หัวหน้าชุด นำกำลังร่วม 7 นาย เดินลาดตระเวนเส้นทางเพื่อดูแลความปลอดภัยในพื้นที่รับผิดชอบ ปรากฏว่าได้รับแจ้งจากหน่วยความมั่นคงว่า พื้นที่ จ.ยะลา มีการปล้นรถกระบะของชาวบ้าน และอาจจะหลบหนีตามเส้นทางดังกล่าวเนื่องจากเป็นพื้นที่รอยต่อกับ จ.ยะลา เจ้าหน้าที่จึงตั้งจุดตรวจชั่วคราวเพื่อสกัดรถต้องสงสัยตามที่ได้รับแจ้ง โดยเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังตามจุด ปรากฏว่าได้มีคนร้าย 3 คน ขับรถกระบะโตโยต้าวีโก้ตอนครึ่งสีดำ ไม่ติดป้ายทะเบียนขับมาและเห็นจุดตรวจ คนร้ายจึงพยายามที่จะเลี้ยวรถกลับ เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่บริเวณดังกล่าวได้เรียกให้หยุด ปรากฏว่าคนร้ายที่อยู่ท้ายกระบะ 1 คน และคนร้ายที่นั่งใกล้คนขับทั้งสอง ได้ลงจากรถก่อนชักอาวุธปืนกระหน่ำยิงใส่เจ้าหน้าที่ และพยายามวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าเจ้าหน้าที่ จึงใช้อาวุธปืนประจำกายยิงตอบโต้คนร้าย ระหว่างนั้น เจ้าหน้าที่อีกคน ซึ่งอยู่ใกล้ก็ได้วิ่งมาช่วย ก่อนจะมีการยิงปะทะกัน ขึ้นเสียงดังสนั่น เป็นเหตุให้นายสมันดี สะนิ ถูกวิสามัญเสียชีวิต ส่วนคนร้ายอีกราย คาดว่าน่าจะเป็นนายมาหามะ สะอิ ได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังไล่ล่า และเข้าทำการปิดล้อมพื้นที่ในรัศมี 500 เมตร


หลังเกิดเหตุ ญาติได้มาดูศพ ยืนยันว่าเป็นศพ นายสมันดี สะนิ ซึ่งเป็นผู้ต้องคนสำคัญ จากการตรวจสอบประวัติ พบว่าเป็นแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบระดับปฏิบัติการและมีหมายจับคดีความมั่นคง จำนวน 5 หมาย ประกอบด้วย ก่อเหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ อ.ทุ่งยางแดง เมื่อปี 51 ก่อเหตุร่วมปล้นเงินธนาคารกสิกร อ.มายอ เมื่อปี 56 ก่อเหตุยิงชาวบ้านหาของป่า อ.ทุ่งยาแดง ปี 57 ก่อเหตุลอบยิงชาวบ้านเสียชีวิต เมื่อปี 60 และเหตุปะทะที่ ต.มะยังหยง อ.ทุ่งยางแดง ปี 62.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง