กรุงเทพฯ 1 ก.พ. – กรมธนารักษ์เร่งดำเนินการพัฒนาที่ราชพัสดุแปลงโรงภาษีร้อยชักสาม เนรมิตเป็นโรงแรมหรู ไม่ต่ำกว่า 5 ดาว
นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า จากการที่กรมธนารักษ์ได้ดำเนินการส่งมอบอาคารพักอาศัย 8 ชั้น ขนาด 100 ครอบครัว ซึ่งเป็นอาคารชดเชยตามโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุแปลงที่ตั้งโรงภาษีร้อยชักสาม บนที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.352532 กท.352597 – 352599 บริเวณเชิงสะพานกรุงเทพฯ ถนนพระราม 3 เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร ให้กรมศุลกากรเพื่อใช้ประโยชน์ในทางราชการไปแล้วเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา และจะมีการดำเนินการก่อสร้างอาคารชดเชยให้กองบังคับการตำรวจน้ำ บนที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.180907 โดยปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารชดเชยคืบหน้าไปว่า 81% คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน พฤศจิกายน 2564 นี้
นายยุทธนา กล่าวต่อว่าโรงภาษีร้อยชักสาม ตั้งอยู่บนที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.043314 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซอยเจริญกรุง 36 ถนนเจริญกรุง แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร โดยมีประวัติความเป็นมานับตั้งแต่ไทยได้ลงนามในสนธิสัญญาบาวริงกับรัฐบาลอังกฤษ เมื่อปี ค.ศ.1855 ในสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นการเปิดประตูการค้ากับประเทศตะวันตกมีผลให้ไทยต้องจัดตั้งศุลกสถาน (CUSTOMS HOUSE) หรือโรงภาษีขึ้นเพื่อจัดเก็บภาษีขาเข้าในอัตราร้อยละสาม (ร้อยชักสาม) และภาษีขาออกตามที่ระบุไว้ท้ายสัญญา ในราวปีพ.ศ. 2427 ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ริเริ่มโครงการก่อสร้างกลุ่มอาคารศุลกสถานเพื่อแก้ปัญหาเรื่องสินค้าหนีภาษีและการจัดเก็บภาษีได้ไม่ทั่วถึง ซึ่งออกแบบโดยโยอาคิม แกรซี (Joachim Grassi) สถาปนิกผู้ถือสัญชาติฝรั่งเศส โดยในอันดับแรกได้สร้างอาคารใหม่ขึ้นสองหลังขนาบบ้านเดิมของพระยาอาหารบริรักษ์ ตึกแบบจีนที่ใช้เป็นโรงภาษีมาแต่เดิมเป็นอาคารยาวสูงสองชั้น วางผังตั้งฉากกับแม่น้ำเจ้าพระยา อาคารด้านทิศเหนือเป็นที่ทำการภาษีขาเข้าขาออก หลังด้านทิศใต้เป็นที่ทำการภาษีข้าวและที่ทำการไปรษณีย์ ต่อมา ในราวปี พ.ศ. 2430 ได้รื้ออาคารเก่าแบบจีนตรงกลางลงแล้วสร้างอาคารใหม่ขึ้น ในช่วงปี 2431 – 2433 เป็นอาคารศุลกสถานซึ่งเป็นที่ทำการของกรมศุลกากรตั้งแต่สร้างเสร็จจนถึง พ.ศ.2492 กรมศุลกากรจึงย้ายไปอยู่ที่คลองเตย ต่อมาในปีเดียวกันจึงได้มีการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์เป็นที่ทำการตำรวจน้ำและสถานีตำรวจดับเพลิงบางรัก และเนื่องจากที่ราชพัสดุแปลงที่ตั้งโรงภาษีร้อยชักสามซึ่งใช้ประโยชน์เป็นที่ตั้งสถานีดับเพลิงบางรักและตำรวจน้ำ เป็นที่ราชพัสดุที่มีศักยภาพสูงมาก และมีอาคารโบราณสถานที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ด้านวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรม สมควรอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างยิ่ง
กรมธนารักษ์ได้พิจารณาเห็นคุณค่าของที่ดินและอาคารดังกล่าว จึงได้ดำเนินโครงการพัฒนา ที่ดินราชพัสดุแปลงนี้ โดยดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการ ในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 และต่อมาได้ลงนามในสัญญาร่วมลงทุนและสัญญาเช่าที่ราชพัสดุกับ บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2548 และลงนามในสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาร่วมลงทุน เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 โดยกิจการร่วมค้าฯ จะต้องก่อสร้างอาคารชดเชยให้กับกองบังคับการตำรวจน้ำและกรมศุลกากร พร้อมทั้งชำระผลประโยชน์ให้กับทางราชการตามที่กำหนดไว้ในสัญญา และพัฒนาที่ราชพัสดุแปลงดังกล่าว พร้อมปรับปรุงซ่อมแซมอาคารโบราณสถานเพื่อเป็นโรงแรมระดับไม่ต่ำกว่า 5 ดาว มูลค่าการลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,040.57 ล้านบาท ให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2568
นอกจากนี้ นายยุทธนากล่าวทิ้งท้ายว่ากรมธนารักษ์ยังได้เร่งรัดให้กิจการร่วมค้าฯ ดำเนินการปรับปรุงก่อสร้างให้ทันตามระยะเวลาที่กำหนด อีกทั้งการเข้ามาดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาโครงการดังกล่าวยังช่วยให้เกิดการจ้างงาน ซึ่งสามารถสร้างรายได้ในช่วงของสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) เพื่อเป็นการบรรเทาจากผลกระทบในด้านเศรษฐกิจอีกทางหนึ่งด้วย . – สำนักข่าวไทย